เคล็ดลับ รับมือก่อนรถเสีย
หลายคนคงมีคำถามนี้เกิดขึ้นในใจว่า ถ้ารถเราเกิดเสียหรือมีปัญหาขึ้นมาระหว่างเดินทาง แล้วจะทำยังไง กันดี
เพราะใช่ว่าคนที่ขับรถยนต์ได้ทุกคนจะสามารถรู้เรื่องรถยนต์ทุกคน
น้อยคนนักที่ขับรถได้และสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ได้ เป็นเปอร์เซ็นต์จะมีถึง 10% หรือเปล่ายังไม่รู้
แต่ที่แน่ ๆ คนที่ว่าขับรถและซ่อมรถเป็นในเวลาเดียวกันนั้น แทบร้อยทั้งร้อยคงเป็น “ผู้ชาย” เสียมากกว่า
ต้องรู้จักรถที่ขับก่อน
ก่อนจะแก้ไขรถที่เกิดปัญหาได้ ก่อนอื่นคุณต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณรู้จักรถที่คุณขับอยู่หรือไม่
คำว่ารู้จักนี้ไม่ใช่แค่รู้ เพียงว่ารถที่ขับอยู่เป็นรถเก๋งหรือรถกระบะ ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลเท่านั้น
แต่ควรจะรู้ด้วยว่ารถที่ขับอยู่นั้นยี่ห้ออะไร รุ่น อะไร ปีที่ผลิตคือปีอะไร ซึ่งปีที่ผลิตนี้เขาจะใช้ปีสากลคือ ปีค.ศ.กัน
เช่น ปี 2000 ก็หมายถึง เป็นรถที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ.2000 ก็เท่ากับ พ.ศ.2543 แบบนี้เป็นต้น
นอกจากควรจะรู้ยี่ห้อ รุ่นและปีที่ผลิตรถคันที่ขับ
สิ่งที่ไม่น่าลืมอีกอย่างหนึ่งก็คือ หมายเลขทะเบียนและสีของรถหรือจุดเด่นต่าง ๆ บนตัวรถที่เราขับ
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้การช่วยเหลือของเหล่า “ผู้มีน้ำใจ” ทั้งหลาย หารถของคุณได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
เบอร์โทร.ต่าง ๆ ควรมีไว้
เมื่อจำเป็นสิ่งที่ต่าง ๆ ที่ว่าไว้ข้างต้นได้แล้ว สิ่งที่ควรมีติดรถหรือเมมโมรี่ไว้ในโทรศัพท์มือถือ
เบอร์โทร.ของผู้มีน้ำใจช่วยเหลือสังคมทั้งหลายแหล่ เช่น จส.100 สวพ.91 และร่วมด้วยช่วยกัน เป็นต้น
แต่เบอร์ที่ควรจะจำได้ง่ายสุด ๆน่าจะเป็น เบอร์ 191 ของหน่วยงานตำรวจไทย โทร.แจ้งได้ทุกเรื่อง
ยกเว้นยืมสตางค์ อีกเบอร์ที่ไม่น่าลืมก็คือ 1133 สอบถามเบอร์ โทร.ทั่วประเทศ ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่ว่านี้
จะเป็นการโทร.ฟรีส่วนใหญ่ แต่ก็มีอีกเบอร์ที่ช่วยได้ทุกเรื่องเหมือนกันแต่ต้องเสียเงินเพิ่มนิดหนึ่ง ก็ BUG ไง
รถเสียต้องมีสติ
สิ่งแรกที่ควรจะต้องทำเวลารถเสียหรือมีปัญหา และต้องทำให้ได้ด้วยคือ “การมีสติ” เริ่มตั้งแต่
การควบคุมรถที่มีปัญหาเข้าข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉินหากทำได้ตั้งสติอีกครั้ง รวบรวมลำดับเหตุการณ์ก่อน-หลังว่า
ก่อนจะมีปัญหามีอาการเป็นอย่าง ไร จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือโทร.เบอร์คนที่จะพอช่วยเหลือได้ เช่น
ถ้ามีแฟนก็โทร.หาแฟน แต่ถ้าคิดว่าแฟนคงช่วยอะ ไรไม่ได้นัก ก็โทร.หาคนอื่น เช่น ใครที่รู้จักและพอมีความรู้
ทางด้านรถยนต์ แต่ถ้าไม่มีใครในความคิด ก็โทร.ไปเบอร์ ต่าง ๆ ที่บอกไว้
จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ให้ผู้ที่จะมาช่วยเหลือฟังว่ารถเป็นอะไร มีอาการอะไรก่อนจะเสีย
ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับเรา อย่าลืมบอกเขาด้วยว่ารถเรายี่ห้ออะไร รุ่นอะไร เกียร์ออโต้หรือเกียร์ธรรมดา
เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล ทั้งนี้ เพื่อให้คนที่จะมาช่วยเหลือมีข้อมูลและเตรียมอะไหล่หรือเครื่องมือพิเศษอื่น ๆ
มาด้วย จะได้ไม่เสียเวลา
เครื่องมือช่าง ยางอะไหล่ต้องมีติดรถไว้
แม้เราจะไม่ได้เป็นช่าง และซ่อมรถไม่เป็นสักอย่าง แต่ควรมีเครื่องมือช่างที่จำเป็น อย่างเช่น ไขควง คีมปากขยาย
ประ แจปากตาย ฯลฯ ติดท้ายรถเสมอ ซึ่งเครื่องมือทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามานี้ปรกติเขาจะมีติดรถมาให้แล้ว เว้นแต่
เป็นรถมือสองหรือมือสามบางคันที่เจ้าของเก่าไม่ยอมให้มากับรถขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของ
รถรุ่นนี้นะ นอกจากจะมีเครื่องมือช่างแล้วควรต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้สัก 1 ชุด ยางอะไหล่และประแจถอดนอต
ล้ออีก 1 ชุด และบางท่านที่ล้อเป็นล้อแม็กที่มีฝาครอบแบบพิเศษ ก็ต้องมีเครื่องมือพิเศษสำหรับถอดฝาครอบนอต
ล้อด้วยนะ เพราะถ้าไม่มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษที่ว่าเวลายางแบน จะเปลี่ยนเอายางอะไหล่ใส่แทน ก็จบเหมือน
กันนะงานนี้ บางคนอาจจะถามว่ามีเครื่องมือช่างติดรถไว้ทำไมก็เราซ่อมรถไม่เป็นนี่นาก็ไม่ได้ให้เราใช้สักหน่อย
เครื่องมือนี่ เพียงแต่ให้คนที่เขามาช่วย ซึ่งเราพอซ่อมรถได้เอามาใช้ซ่อมรถเรานั่นเอง
สายพ่วงแบตเตอรี่ก็ไว้ใช้พ่วงแบตฯ กับรถคนอื่น เวลาเกิดแบตเตอรี่ไฟอ่อน หรือไฟไม่ชาร์จและยางอะไหล่ที่เก็บไว้
ท้ายรถก็ควรจะเช็คลมยางให้เต็มอยู่เสมอเช็คสักเดือนละครั้งหรือสองครั้งก็ได้ เติมเกินเผื่อไว้สักหน่อยจะดีไม่น้อย
อย่าืลืมนำวิธีที่นำมาฝากไปใช้กันนะค่ะ แต่ทางทีดีควรตรวจสอบสภาพรถบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น