ทุกวันนี้ รถยนต์ ที่มีจำนวนมากถึงแสดงถึงคน มาใช้ถนนมากขึ้น
ต่างเป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่า คนจำนวนมากกำลังอยากมีรถยนต์ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการเดินเข้าไป โชว์รูม แล้วเลือกจองรถสักคัน คงปฏิเสธถึงการมีใบขับขี่ไม่ได้ว่ามีความสำคัญ ถ้าคุณไม่อยากเป็นคนที่ขับรถโดยผิดกฏหมาย แต่แม้การสอบใบขับขี่มันอาจจะเป็นเรื่องยาก
แต่มันจะง่ายดาย ทันใด
ถ้าคุณเข้าใจหลักการสอบใบขับขี่
ก่อนที่จะเริ่มต้น สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องรู้ว่าคุณจะสามารถขับขี่ได้หรือไม่ โดยดูจากคุณสมบัติต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ
1.ต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปสำหรับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ และมีอายุมากกว่า18 ปีขึ้นไปสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล
2. ไม่เป็นผู้พิการทางสายตา หรือตาบอด ต้องไม่ตาบอดสี เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำใบขับขี่ได้ แต่ใครที่เป็นผู้ทุพพลภาพก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะสำหรับ ผู้ที่แขน-ขา ขาดข้างเดียว ตาบอดข้างเดียว หรือลำตัวพิการ และหูหนวกยังสามารถทำใบขับขี่ได้ แต่ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ กรมการขนส่งทางบกที่ใกล้บ้านคุณ
ก่อนที่จะเริ่มต้น สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องรู้ว่าคุณจะสามารถขับขี่ได้หรือไม่ โดยดูจากคุณสมบัติต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ
1.ต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปสำหรับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ และมีอายุมากกว่า18 ปีขึ้นไปสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล
2. ไม่เป็นผู้พิการทางสายตา หรือตาบอด ต้องไม่ตาบอดสี เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำใบขับขี่ได้ แต่ใครที่เป็นผู้ทุพพลภาพก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะสำหรับ ผู้ที่แขน-ขา ขาดข้างเดียว ตาบอดข้างเดียว หรือลำตัวพิการ และหูหนวกยังสามารถทำใบขับขี่ได้ แต่ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ กรมการขนส่งทางบกที่ใกล้บ้านคุณ
สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมก็ไม่พ้น เอกสาร ต้องเตรียมไปให้ครบเพื่อยื่นต่อเจ้าหน้าที่
มีดังนี้ คือ
1. ใบรับรองแพทย์
2.บัตรประชาชน
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4.รูปถ่าย
แต่ปัจจุบันอาจจะไม่ต้องใช้เพราะเป็นใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดและท้ายสุด อย่าลืมเงินไปชำระค่าธรรมเนียม
เมื่อทราบแล้วว่าคุณสมบัติของผู้
ที่สามารถสอบใบขับขี่มีอะไรบ้าง ก็ถึงเวลาที่ไปสำนักงานขนส่งใกล้บ้านคุณ ซึ่งปัจจุบัน สำหรับเขตกรุงเทพมหานครมีสำนักงานขนส่งพื้นที่สำคัญต่างๆ
4 แห่ง คือ สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 1 (บางขุนเทียน)
สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 2 (ตลิ่งชัน)
สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 3 (สุขุมวืท
62) และ สำนักงานพื้นที่ขนส่ง เขต 4 (หนองจอก)
หรือไปที่กรมการขนส่งทางบก สำนักงานใหญ่พื้นที่ 5 (จตุจักร)
สำหรับใครทีอยู่ในเขตต่างจังหวัดก็ต้องไปสำนักงานขนส่งจังหวัดของแต่ละ จังหวัด
สามารถหาข้อมูลได้จากกรมการขนส่งทางบกครับ
หลังจากทราบที่ใกล้บ้านแล้ว
คราวนี้เราควรจะเตรียมตัวอย่างไร มาดูกันเลยดีกว่า
1.ออก จากบ้านแต่เช้า และควรลางานหรือหยุด 2 วันเพื่อดำเนินการ ทำตัวรีบๆ แต่แล้วก็จัดการเรื่องใบขับขี่ไม่เสร็จเพราะมัวแต่ ห่วงหน้าพะวงหลัง การมาสอบใบขับขี่นั้นทางที่ดีควรมาแบบสบายตัว อย่ารีบร้อน ให้คุณผ่อนคลายเป็นวันหยุดลากิจไปเลยครับอย่าเสียดายและที่สำคัญควรออกจาก บ้านแต่เช้า เพื่อ ไปรอสอบเร็วๆ เนื่องจากมีผู้สอบเยอะมาก และหากไปเร็วคุณก็ยิ่งเสร็จเร็ว ที่สำคัญยังมีโอกาสสอบแก้ตัว กรณีที่คุณไม่ผ่านรอบแรกด้วยค่ะ (เป็นบางสำนักงานค่ะ)โดยปัจจุบันเท่าที่ทราบ จะรับเพียงวันละ 80 คน ถ้าเกินคุณก็ฟาล์วแล้วต้องมาใหม่วันหลัง
1.ออก จากบ้านแต่เช้า และควรลางานหรือหยุด 2 วันเพื่อดำเนินการ ทำตัวรีบๆ แต่แล้วก็จัดการเรื่องใบขับขี่ไม่เสร็จเพราะมัวแต่ ห่วงหน้าพะวงหลัง การมาสอบใบขับขี่นั้นทางที่ดีควรมาแบบสบายตัว อย่ารีบร้อน ให้คุณผ่อนคลายเป็นวันหยุดลากิจไปเลยครับอย่าเสียดายและที่สำคัญควรออกจาก บ้านแต่เช้า เพื่อ ไปรอสอบเร็วๆ เนื่องจากมีผู้สอบเยอะมาก และหากไปเร็วคุณก็ยิ่งเสร็จเร็ว ที่สำคัญยังมีโอกาสสอบแก้ตัว กรณีที่คุณไม่ผ่านรอบแรกด้วยค่ะ (เป็นบางสำนักงานค่ะ)โดยปัจจุบันเท่าที่ทราบ จะรับเพียงวันละ 80 คน ถ้าเกินคุณก็ฟาล์วแล้วต้องมาใหม่วันหลัง
2.พร้อมสำหรับการสอบ
ในการสอบใบขับขี่ที่สำคัญ คือคุณควรจะพร้อมสอบไม่ใช่คิดว่าไปขับๆให้มันจบๆไป ต้องเตรียมตัวมาอย่างดีจนมั่นใจ
โดย การสอบจะมี 4 ส่วนสำคัญ
คือ ส่วนที่
1 ทดสอบสมรรถภาพร่างการ เช่นตาบอดสี ทดสอบสายตาแนวกว้างและแนวลึก และทดสอบการตอบสนองของร่างกาย
ส่วนที่ 2 อบรมเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
(จากเดิม 2 ชั่วโมง)
ส่วนที่ 3 สอบข้อเขียน แบบกดจากคอมพิวเตอร์ ทราบผลทันที โดยต้องมีคะแนนมากว่า 70 % และส่วนสุดท้าย สอบปฏิบัติ
มี 4 ท่าสำคัญ คือ 1.การถอยเข้าจอด (เข้าซอง) 2. การหยุดเทียบทางเท้า และ 3.การเดินหน้าถอยหลังรถในทางแคบ
และ 4.การปฏิบัติตามกฏจราจร แต่ทั้งหมดมันอยุ่ที่คุณแล้ว่าฝึกมาอย่างมั่นใจแค่ไหน
และทำให้ได้ก็พอ
3.ใจ เย็นอย่าเร่งรีบ-มีสติ หลายคนพอถึงเวลาสอบจริงมักจะมาตกม้าตาย เพราะควาตื่นเต้น แม้การสอบใบขับขี่จะดูเป็นเรื่องยากเย็น แต่ก็ไม่ยากจนเกิดความเข้าใจ หรือทำไม่ได้ เพราะก่อนมาสอบคุณฝึกมันจนคิดว่าทำได้แล้ว ค่อยๆทำ แน่ล่ะว่าคุณอาจจะยังขับรถไม่แข็ง แต่การสอบก็ไม่ยากมากเพราะ ให้พึงระลึกว่าสนามสอบเป็นแค่พื้นที่เล็กๆที่ถนนอีกหลายร้อยกิโลเมตรคือโลก แห่งความเป็นจริงที่ไม่เหมือนกันเลย และคุณต้องเจอคนอีกมากมาย และถ้าเพียงแค่นี้ยังไม่สามารถผ่านได้ในโลกความจริงนั้นยากอีกว่าหลายขุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น