ไม่นานมานี้มีผลสำรวจจากกรมสุขภาพจิตว่าคนไทยในปัจจุบันมีอาการโรคซึม เศร้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้ผมจึงมีเรื่องของผู้ที่มาปรึกษาท่านหนึ่งซึ่งเคยเป็นโรคซึมเศร้า แต่หายได้ด้วยการคิดเชิงบวกนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง
ท่านผู้นี้เคยเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิตมาหลายครั้ง จนเขารู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง เริ่มเก็บตัวเงียบๆ ไม่ยุ่งกับใคร มีความรู้สึกหลัวสังคม เริ่มโทษตัวเองต่างๆนานา และในที่สุดก็มองตัวเองเป็นคนไร้ค่า คิดจะทำร้ายตัวเอง เมื่อครอบครัวถามว่าเป็นอะไร เขาก็บอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า พอถามว่ารู้สึกอย่างไร เขาว่าเคยอ่านเจอในหนังสือซึ่งเขียนถึงอาการเขาทั้งหมด
จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อมาเยี่ยมที่บ้าน แต่เขาไม่ยอมลงไปพบให้ภรรยาบอกเพื่อนว่าไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง เพื่อคนนี้ตัดสินใจขึ้นไปเยี่ยมเขาถึงห้องนอน สภาพในห้องทั้งสกปรกทั้งมืด แถมยังปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้สกปรกอีกด้วย เข้าเปลี่ยนไปจนเพื่อนแทบจำไม่ได้ และไม่ยอมคุยกับเพื่อน จนในที่สุดเพื่อนก็ทนไม่ไหวต้องกลับไป
จนวัยรุ่งขึ้นสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ทำให้เขาหายจากอากาศซึมเศร้านั่นคือ อยู่ๆเพื่อนคนเดิมก็กลับมาหาเขาอีกครั้งและถามว่าเป็นอะไรเข้าตอบว่า เป็นโรคซึมเศร้า “แจ๋ว” เพื่ออุทานขึ้น เดินอ้อมไปด้านหลังเขาแล้วตบหัวเขาอย่างแรงสองที เขาตกใจมาก ด้วยความโมโหจึงโวยวายใส่เพื่อนว่า “แกตบฉันทำไมว่ะ!” เพื่อก็ถามตอบว่า “อ้าวไหนแกบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้าไงวะ” เขาตอบกลับ “ไม่เศร้าแล้ว แต่จะไล่แตะแกแทน”
หลังจากนั้นเขาก็หายจากอากาศซึมเศร้าทันที ไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกตบ แต่เหตุการณ์นั้นทำให้เขาได้ตระหนักว่า จริงๆแล้วในตัวเขานั้นยังมีอารมณ์อื่นๆอีก นอกจากอารมณ์ซึมเศร้าแล้ว เขายังโกรธได้ เกลียดได้แต่เพราะเขามัวแต่เอาความสนใจทั้งหมดไปจดจ่ออยู่กับอารมณ์เศร้าที่ เกิดขึ้น ทั้งๆที่ในชีวิตเคยเศร้ามาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แถมยังทะลึ่งมารู้ว่าโรคซึมเศร้าเป็นยังไงอีก
เห็นไหมครับว่า ความคิดของเรานั้นมีอิทธิพลต่อร่างกายและจิตใจแค่ไหน หากท่าเชื่ออยู่เสมอว่าป่วยเป็นโรคโน้นโรคนี้ ท่านก็มักจะป่วยอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นควรที่จะคิดในเชิงบวกเข้าไว้จิตใจคนเราสำคัญยิ่ง
ขอขอบคุณ : นิตยาสาร HEALTH CUISINE
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น