วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
บ่อนปอยเปต
“คาสิโน” 20 กว่าแห่ง เปิดเรียงรายอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนบ้านเราฝั่งที่มีบ่อนมากที่สุดต้องยกให้ ชายแดนกับประเทศเขมรมีมากถึง 13 แห่ง และเชื่อว่าช่วง “สงกรานต์” ที่กำลังจะมาถึงนี้ คนไทยน่าจะหลั่งไหลออกไปเสี่ยงดวงตามบ่อนชายแดนกันอย่างคึกคัก คาดว่าส่งผลให้ยอดคนไทยเดินทางไปบ่อนชายแดนปีนี้ไม่หนีกว่า 12 ล้านคน อย่างแน่นอน
ในจำนวนบ่อนชายแดนทั้งหมดบ่อนปอยเปต 9 แห่ง อยู่ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรคลองลึก จังหวัดสระแก้วได้รับความนิยมสูงสุดจากคนไทย เพราะอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ขึ้นตรงกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีเขมร ด้วยพื้นที่ความยาวติดแนวชายแดนไทยเพียง 2 กิโลเมตร ลึกเข้าไปในเขตแดนเขมรแค่ 500 เมตร แต่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากบ่อนกาสิโนปีละไม่ต่ำกว่า 70,000-80,000 ล้านบาท ที่บ่อนกาสิโนที่ปอยเปตนี่เองกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นคนไทย โดยเฉพาะลูกค้ามือหนักที่เดินทางจากกรุงเทพฯ เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นานแค่อึกใจก็ถึงจุดได้เสียกันแล้ว แม้ว่าช่วงหลังมานี้บ่อนชายแดนที่จังหวัดมุกดาหารจะมาแรงแซงโค้งก็ตาม
ด้วยบ่อนกาสินโน 9 แห่ง ที่ปอยปอยเป็นของคนไทยจำนวน 4 แห่ง คือ ทรอปิคกาน่า, แกรนด์ไดมอนด์, สตาร์ เวกัส และปอยเปต รีสอร์ต ก็เลยทำให้เจ้าของบ่อนที่เป็นคนไทย เข้าอก เข้าใจ ตอบสนองพฤติกรรมคนไทยได้พึงพอใจมากกว่าบ่อนจากประเทศอื่นๆ
บ่อนกาสิโนที่เหลืออีก 5 แห่ง เป็นของนายทุนของเขมร 1 แห่งคือ ปริ้นเซท คาสิโน และมาจากต่างชาติคือ นักลงทุนจากจีน 2 แห่ง ได้แก่ คราวน์ คาสิโน กับ เก็นติ้ง คาสิโน และนักลงทุนจากอินโดนีเซีย 2 แห่ง ได้แก่ ฮอลิเดย์ ปอยเปต กับฮอลิเดย์พาเลส
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปถึงบ่อนปอยเปตสะดวกสบายด้วยรถตู้ ไปแบบเช้า เย็นกลับก็ได้ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็เลยทำให้นักพนันคนไทยนิยมเดินทางไปเสี่ยงดวงไม่ขาดสาย โดยเส้นทางที่คอพนันจากกรุงเทพฯ แห่ใช้บริการมากที่สุดมี 3 เส้นทางด้วยกัน
เส้นทางแรก เป็นของ “กู๋กิ๋มทัวร์” ให้บริการรถตู้เริ่มต้นรับลูกค้าที่การเคหะฯ ถนนพระราม 2 เวลา 03.20 น. จากนั้นแวะรับลูกค้าที่บางปะแก้วเวลา 03.30 น. บิ๊กซีดาวคะนอง เวลา 03.35 น.หน้าตลาสำเหร่ เวลา 03.40 น. วงเวียนใหญ่ 03.45 อาคารอื้อจือเหลียง 04.00 น. ขึ้นทางด่วนหยุดรับลูกค้าอีกที่บิ๊กซี บางนา เวลา 04.45 น. เป็นจุดสุดท้าย จากนั้นวิ่งขึ้นมอเตอร์เวย์ ผ่านฉะเชิงเทรา อำเภอพนามสารคาม สระแก้ว สิ้นสุดที่ปอยเปต เส้นทางนี้ขากลับออกจากปอยเปตเวลา 12.00 น.
เส้นทางที่ 2 ก็เป็นของ “กู๋กิ๋มทัวร์” เปิดให้บริการรับลูกค้าจากจุดแรกบางปะแก้ว เวลา 07.30 น. หยุดรับลูกค้าที่บิ๊กซีดาวคะนอง เวลา 07.40 น. ตลาดสำหร่ 08.00 น. สีลม 08.45 น. สวนลุมพินี เวลา 09.30 น. ขึ้นทางด่วนหยุดรับลูกค้าอีกที่บิ๊กซี บางนา 10.20 น. จุดสุดท้ายบางนาบริเวณถนนกิ่งแก้ว เวลา 10.30 น. ขึ้นมอเตอร์เวย์ไปตามแนวเส้นทางแรก ส่วนขากลับรถออกจากปอยเปตเวลา 19.00 น.
อีกเส้นทางเป็นของ “แบงก์แบงก์ ทัวร์” จุดแรกรับลูกค้าที่ห้างเซ็นทรัล พระราม 2 เวลา 05.00 น. หยุดรับลูกค้าที่บางปะแก้ว เวลา 05.30 น. บิ๊กซีดาวคะนอง เวลา 05. 35 น. ตลาดบางคอแหลม เวลา 05.40 น. สวนลุมพินี เวลา 06.20 น. ขึ้นทางด่วนถึงบิ๊กซีบางนา เวลา 06.40 น. จุดสุดท้ายหยุดที่บางพลี 06.45 น. จากนั้นก็ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางแรกจนถึงปอยเปต ส่วนขากลับรถออกจากปอยเปต เวลานา 15.30 น.
ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ มหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวย้ำกับ “สยามธุรกิจ” ว่า รถตู้ที่วิ่งรับลูกค้าจากกรุงเทพฯไปบ่อนกาสิโนปอยเปตมีการกำหนดเวลาตายตัว ที่แน่นอน มีหลายเส้นทางทั้งโซนเซ็นทรัล ลาดพร้าว สวนจตุจักร และโซนถนนพระราม 2 ที่ผ่านมามีลูกค้าใช้บริการแน่นทุกวัน เก็บค่าโดยสารคนละ 100 บาท แต่ถ้าเป็นลูกค้าประจำจะได้นั่งฟรี คนไทยที่นิยมไปเล่นการพนันที่ปอยเปตส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงสูงอายุมากกว่า ผู้ชาย และคาดว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีคนไทยหลั่งไหลไปเล่นการพนันที่ปอยเปตหลาย เท่าตัว
“รถตู้ที่วิ่งให้บริการก็จะของคนไทยที่เปิดบ่อนกาสิโนที่ปอยเปตนั่นเอง โดยมีคนนำทางเรียกว่า “จังเก็ต” ซึ่งก็เป็นพนักงานบ่อนคอยดูแลอำนวยความสะดวกสบายทั้งน้ำดื่ม อาหารการกิน ตั้งแต่ขึ้นรถตู้ จนถึงขบวนการผ่านด่านชายก่อนส่งเข้าบ่อนกาสิโน แต่เมื่อไปถึงแล้วจะเล่นบ่อนกาสิโนของคนไทย หรือที่อื่นก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว”
วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ธุรกิจคาสิโนออนไลน์
มีแฟรนไชส์จำนวนมากที่มีแผนธุรกิจที่วางไปแล้วสำหรับคุณ นอกจากนี้ยังมีการสร้างพื้นฐานและห้องโป๊กเกอร์คาสิโนที่สามารถเริ่มต้น ธุรกิจออนไลน์ของคุณใน แบบที่คุณจะได้รับการตั้งค่ากับเว็บไซต์และให้เครื่องมือทั้งหมดที่คุณจะ ต้อง ประสบความสำเร็จทั้ง อย่างไรก็ตามคุณจะต้องรับผิดชอบต่อการตลาดของเว็บไซต์ของคุณทั้งหมด มีแฟรนไชส์ของบางอย่างที่คุณพิสูจน์แนวทางที่จะช่วยคุณทำตลาดและอื่น ๆ ไม่ การตลาดบนอินเตอร์เน็ตเงินค่าใช้จ่ายและเงินอื่น ๆ
นี่จะเป็นเป็นธุรกิจที่บ้าน คุณจะสร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง, เจ็ดวันต่อสัปดาห์ หลายคาสิโนออนไลน์ให้โอกาส 75% ถึง 85%การฝากเงินรายเดือนของลูกค้าของคุณ การตลาดที่ดีของคุณสามารถทำให้ธุรกิจนี้ร่ำรวยมาก
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกอื่นและคือการเริ่มต้นโอกาส Biz คาสิโนที่มีเป้าหมายหลักเพื่อนายจ้าง, บริษัท , ที่ไม่แสวงหากำไรและคลับซีวิค มันเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตที่ผู้คนใช้เพื่อความสนุกสนานและกำไร คุณไปยังตำแหน่งและสร้างบรรยากาศจริงคาสิโนการวางแผนเฉพาะรายละเอียดของการ ดำเนินงานของคุณและดำเนินการ วิจัยตลาดที่เพียงพอที่จะเข้าใจขอบเขตของโอกาสนี้ แผนธุรกิจคาสิโนตกอยู่ในสองประเภท คุณสามารถวางแผนที่จะตั้งค่า ทั้ง คาสิโนออนไลน์ หรือลงทุนในธุรกิจคาสิโนสถานที่ตั้ง สำหรับธุรกิจออนไลน์ของคุณสามารถทำให้การซื้อตรงไปตรงมาของคาสิโนจากการ ขาย คาสิโนออนไลน์ จำนวนมากได้เสนอ
คาสิโนออนไลน์ขึ้นอยู่กับความสามารถในการลงทุนของ คุณ แม้ว่าการลงทุนเริ่มต้นต่ำมากคุณจะสามารถตั้งค่า เกมออนไลน์ที่เป็นธุรกิจตามบ้านและสามารถเปิดออกเพื่อไม่ร่ำรวยมากหากตลาด อย่างเหมาะสม คาสิโนสถานที่ตั้งส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับบริษัท , ไม่หวังผลกำไรและคลับซีวิค
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เซียน คาสิโนออนไลน์
เราจะลดความเสี่ยงได้อย่างไรกับ คาสิโนออนไลน์ เป็นข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆสำหรับนักเสี่ยงโชคกับ คาสิโนออนไลน์ ตามที่เราได้ทราบกันแล้วนะครับว่าธุรกิจคาสิโนออนไลน์นั้น เติบโตขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งการเล่นคาสิโนออนไลน์ casino online ต้องมีการลงทุนกันทั้งนั้น ซึ่งการลงทุนมันก็ย่อมมาพร้อม ๆ กับความเสี่ยง ไม่มีอะไรที่สามารถได้มาง่ายๆ บางทีเราอาจจะเล่นเพื่อเป็เนกรณีศึกษา โดยการลงทุนอาจจะไม่ต้องมากมาย คือเล่นเพื่อเอาประสบการณ์ เพื่อความสนุก เราอาจจะตั้งเงินทุนไว้สัก 2-3 พันบาท ถ้าสมมุติว่าเราไม่สามารถทำกำไรได้ก็ให้เราหยุดซะ บางทีอาจจะคิดว่าเงินส่วนที่เสียไปเนี่ยเท่ากับการอาบน้ำของเราครั้งเดียวก็ ได้ ถือซะว่าเดือนนั้นไม่ต้องอาบน้ำก็แล้วกัน ถ้าเราคิดแบบนี้ได้มันจะทำให้เราเองสบายใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าเราได้เล่นแล้วจะทำให้เราไม่ต้องไปคิดมาก ทำให้โอกาสประสบความสำเร็จของเรานั้นมีโอกาสมากขึ้น
สำหรับอีกปัจจัยหนึ่งที่จะกล่าวก็คือเรื่องของเอเย่นที่เราจะไปสมัครเล่น คาสิโนออนไลน์ อย่าลืมว่ามีอยู่มากมายเลยทีเดียว แต่สิ่งที่เราจะมั่นใจได้ยังงัยว่าเราจะไม่มีการสูญเสียเงินโดยเปล่าๆ เช่นปัญหาการเติมเงิน ปัญหาการถอนเงิน คนรับโทรศัพท์พูดจาไม่สุภาพ เหล่านี้คือปัจจัยอีกอย่างที่เราต้องคำนึงถึง เราคือผู้ใช้บริการเราเองมีสิทธิ์ที่จะเลือกหรือจ่ายเงิน ให้กับเอเย่นเหล่านั้น ซึ่งขั้นตอนแรกส่วนใหญ่ก็จะฝากน้อยๆก่อน เพราะว่าเราจะได้เรียนรู้เอเย่นเจ้านั้นไปในตัวด้วย แล้วถ้าเราไว้ใจเราก็ค่อยๆเพิ่มยอดขึ้นเรื่อยๆ
วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เรื่องของ...กระจกมองหลัง
ในงาน motorshow ที่มีการจัดแสดงรถยนต์หลากหลายประเภท ซึ่งให้เราได้เข้าไปเลือกดูเลือกชมกันอย่างจุใจ เคยสงสัยกันมั๊ยค่ะว่า กระจกมองหลังสำคัญ และมีประโยชน์ยังไงบ้าง มาดูกันค่ะ
กระจกมองหลังแบบธรรมดานั้น จะมีประโยชน์เกิดขึ้นกับทางผู้ขับขี่ เพราะบริเวณกระจกมองหลัง จะมีก้านดันเล็กๆอยู่บริเวณตรงกลาง ซึ่งมีอยู่บ้างไม่มากก็น้อยที่ยังไม่รู้มาก่อนเลยว่า มีไว้ทำไม, ทำงานอย่างไร, ประโยชน์ทางด้านใด และจะใช้เมื่อไหร่ เป็นต้น หากผู้ขับขี่ มีความเข้าใจ และใช้งานได้อย่างถูกต้อง แล้ว เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ขับขี่นั้นเอง
กระจกมองหลังใช้งานอย่างไร
กระจกมองหลังแบบธรรมดาและมีก้านดันนั้น ยามปกติ หมายถึง ตำแหน่งที่มิได้ใช้งานของก้านดัน จะต้องให้ตำแหน่งของก้านดันไปในทิศทางหน้ารถ หรือ อยู่หลังกระจกมองหลัง นอกจากจะไม่บดบังสายตาเวลามองไปด้านหน้ารถแล้ว ยังช่วยในการหักเหของลำแสงไฟหน้า ลักษณะจะเป็นการกรองแสงด้วยเช่นกัน เมื่อต้องการใช้งานก็เพียงดึงก้านดันมาทางเข้าหาตัวผู้ขับขี่ หรือ ดึงก้านดันมาทางห้องโดยสาร เมื่อพบว่ารถยนต์คันหลังเปิดไฟหน้า หรือ ไฟตัดหมอก แล้วลำแสงรบกวนสายตา ที่จะทำให้ตาพร่ามัว ก็จะมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น หากทุกท่านทำตามที่กล่าวมา จะพบว่า การขับขี่จะมีความปลอดภัยขึ้นกับตนเอง หลังจากที่รถยนต์คันหลัง ลำแสงไฟหน้ามิได้รบกวนแล้ว ก็ทำการดันก้านดันกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม ดังนั้น หากมีความกังวลอยู่อาจจะต้องมีการทดสอบการปฏิบัติก่อนก็ได้ โดยการนำรถยนต์อีกคันมาต่อท้ายเวลากลางคืนพร้อมกับทำการเปิดไฟหน้าจากนั้นก็ ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์คันหน้า ตำแหน่งของผู้ขับขี่ แล้วมองกระจกมองหลังทำการเปรียบเทียบระหว่างก้านดันอยู่ปกติกับถูกดึงการทำ งาน อันนี้เป็นการทดสอบเบื้องต้น แต่ถ้าไม่สะดวกเวลาขับรถในตอนกลางคืน ก็ลองปฏิบัติได้เช่นเดียวกัน หรือ แม้กระทั่งปฏิบัติตามที่กล่าวมาได้เลย ไม่ต้องทดสอบ
แรกๆอาจจะยังไม่เกิดความเคยชิน แต่ถ้ามีการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว เชื่อเหลือเกินว่าผู้ขับขี่จะมีความพอใจมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
กระจกมองหลังแบบธรรมดานั้น จะมีประโยชน์เกิดขึ้นกับทางผู้ขับขี่ เพราะบริเวณกระจกมองหลัง จะมีก้านดันเล็กๆอยู่บริเวณตรงกลาง ซึ่งมีอยู่บ้างไม่มากก็น้อยที่ยังไม่รู้มาก่อนเลยว่า มีไว้ทำไม, ทำงานอย่างไร, ประโยชน์ทางด้านใด และจะใช้เมื่อไหร่ เป็นต้น หากผู้ขับขี่ มีความเข้าใจ และใช้งานได้อย่างถูกต้อง แล้ว เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ขับขี่นั้นเอง
กระจกมองหลังใช้งานอย่างไร
กระจกมองหลังแบบธรรมดาและมีก้านดันนั้น ยามปกติ หมายถึง ตำแหน่งที่มิได้ใช้งานของก้านดัน จะต้องให้ตำแหน่งของก้านดันไปในทิศทางหน้ารถ หรือ อยู่หลังกระจกมองหลัง นอกจากจะไม่บดบังสายตาเวลามองไปด้านหน้ารถแล้ว ยังช่วยในการหักเหของลำแสงไฟหน้า ลักษณะจะเป็นการกรองแสงด้วยเช่นกัน เมื่อต้องการใช้งานก็เพียงดึงก้านดันมาทางเข้าหาตัวผู้ขับขี่ หรือ ดึงก้านดันมาทางห้องโดยสาร เมื่อพบว่ารถยนต์คันหลังเปิดไฟหน้า หรือ ไฟตัดหมอก แล้วลำแสงรบกวนสายตา ที่จะทำให้ตาพร่ามัว ก็จะมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น หากทุกท่านทำตามที่กล่าวมา จะพบว่า การขับขี่จะมีความปลอดภัยขึ้นกับตนเอง หลังจากที่รถยนต์คันหลัง ลำแสงไฟหน้ามิได้รบกวนแล้ว ก็ทำการดันก้านดันกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม ดังนั้น หากมีความกังวลอยู่อาจจะต้องมีการทดสอบการปฏิบัติก่อนก็ได้ โดยการนำรถยนต์อีกคันมาต่อท้ายเวลากลางคืนพร้อมกับทำการเปิดไฟหน้าจากนั้นก็ ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์คันหน้า ตำแหน่งของผู้ขับขี่ แล้วมองกระจกมองหลังทำการเปรียบเทียบระหว่างก้านดันอยู่ปกติกับถูกดึงการทำ งาน อันนี้เป็นการทดสอบเบื้องต้น แต่ถ้าไม่สะดวกเวลาขับรถในตอนกลางคืน ก็ลองปฏิบัติได้เช่นเดียวกัน หรือ แม้กระทั่งปฏิบัติตามที่กล่าวมาได้เลย ไม่ต้องทดสอบ
แรกๆอาจจะยังไม่เกิดความเคยชิน แต่ถ้ามีการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว เชื่อเหลือเกินว่าผู้ขับขี่จะมีความพอใจมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
การใช้รถยนต์ “ป้ายแดง” อย่างถูกวิธี
แม้เทคโนโลยีด้านโลหะ วิทยาจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องยนต์ในยุคปัจจุบันมีความทนทานมากขึ้น แต่ก็ไม่ควรละเลยการรัน-อิน อย่างถูกวิธี เพราะมีผลต่ออายุการใช้งานของรถในระยะยาว
รถยนต์ใหม่ทุกคันต้องมี ระยะ รัน-อิน หมายถึง การใช้งานในระยะแรกอย่างถูกวิธี เพื่อให้ทุกชิ้นส่วนมีการปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม การใช้งานแบบเต็มกำลังตั้งแต่แรก ทำให้มีการสึกหรอสูงและรวดเร็วมาก เพราะชิ้นส่วนต่างๆยังไม่เข้าที่ เพียงแต่ในปัจจุบันนี้ได้ลดระยะทางในการรัน-อินจากแต่ก่อนมากแล้ว
++อดใจสักนิด อย่าเพิ่งลากรอบ++
ระยะ ทาง 0-1,000 กิโลเมตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 2,500 - 3,000 รอบ/นาที หรือเปลี่ยนความเร็วรอบขึ้น-ลงแบบกระทันหันโดยไม่จำเป็น การเปลี่ยนจากเกียร์ต่ำขึ้นสู่เกียร์สูง ควรทำอย่างนิ่มนวลที่ระดับ 2,500 รอบ/นาที แล้วถอนคลัตช์ช้าๆ ส่วนการเปลี่ยนจากเกียร์สูงลงสู่เกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์สัมพันธ์กับความเร็ว ไม่ควรเปลี่ยนลงเกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์และเครื่องยนต์ช่วยเบรก ถ้าต้องการเบรกให้เหยียบเบรกตามปกติ ในช่วง 0 - 5,000 กิโลเมตร ไม่ควรใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 4,000 รอบ/นาที
เมื่อถึงระยะ 1,000 กิโลเมตร ให้ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองทิ้งท้าย เพื่อเอาเศษสกปรกที่หลุดจากชิ้นส่วนต่างๆและปะปนอยู่ในน้ำมันออก(แม้บาง ศูนย์บริการจะไม่ระบุไว้ก็ตาม)
++รถยนต์ป้ายแดงกับการเดินทางไกล++
การ เดินทางไกลกับรถยนต์ใหม่ สามารถทำได้ แต่ต้องใช้เทคนิคและความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ยังไม่พ้นระยะรัน-อิน การเดินทางไกลกับการใช้รอบเครื่องยนต์ในรถยนต์ใหม่ อาจมีความเข้าใจผิดในหลายกรณี โดยเฉพาะในเรื่องความเร็ว ผู้ใช้ส่วนหนึ่งคิดว่า ในเมื่อเดินทางไกลมักใช้ความเร็วสูง แล้วจะควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้อย่างไร เพราะถ้าขับเร็วก็น่าจะต้องใช้รอบสูงด้วย แต่ความจริงไมได้เป็นเช่นนั้น
การ ขับด้วยรอบเครื่องยนต์ระดับปานกลาง ก็สามารถไต่ขึ้นสู่ความเร็วตามกฎหมายกำหนดได้ รถยนต์ส่วนใหญ่ในความเร็วระดับ 90 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเกียร์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติมักใช้รอบ เครื่องยนต์ประมาณ 2,500 - 3,000 รอบ / นาที เท่านั้น ซึ่งไม่สูงเกินไป การเดินทางไกลมีข้อดี คือ สามารถขับได้อย่างนุ่มนวล และควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ แต่ไม่ควรขับแช่ที่ความเร็วเดียวกันต่อเนื่องนานๆ ควรเปลี่ยนแปลงความเร็วบ้าง โดยอาจสลับด้วยกาสรผ่อนความเร็วลงเล็กน้อย
สำหรับ กรณีคับขัน เช่น ต้องเร่งแซงหลบหลีก ก็สามารถกดคันเร่งได้เลย ไม่ต้องเน้นรักษารอบเครื่องยนต์มากเกินไป จนขาดความปลอดภัยหรือถูกชน
++อย่าไว้ใจ.....แม้เป็นป้ายแดง++
รถ ยนต์ส่วนใหญ่มักมีการผลิตครั้งละเป็นจำนวนมากๆ แม้มีการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด ก็ยังอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ดังนั้นเจ้าของรถป้ายแดงจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ หมั่นตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าพบความผิดปกติจะได้เคลมก่อนหมดประกัน
วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
การเติมลมยางอย่างถูำกวิืธี
การเติมลมยางถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการดูแลรักษายางรถยนต์ ถ้าขาดการดูแลที่ดี จะเกิดผลเสียดังนี้
เติมลมน้อยเกินไป
ยางจะบวมล่อนได้ง่าย เกมส์ อายุการใช้งานลดลง ดอกยางสึกผิดปกติ อาจจะสึกที่ขอบยางข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง สึกที่ไหล่ยางหรือ
สึกที่ปลายดอก มีความฝึดที่ผิวสัมผัสมาก ซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกว่าปกติ
เติมสูบลมมากเกินไป
เมื่อได้รับแรงกระแทกจะระเบิดได้ง่าย อายุการใช้งานลดลง ดอกยางโดยเฉพาะกลางหน้ายางจะสึกมาก ถ่ายเทการสั่นสะเทือนหรือการ
กระแทกขึ้นสู่ตัวรถได้มาก ขาดความนุ่มนวล
การเติมลมของยางล้อคู่
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมลม และรักษาระดับแรงดันลมในล้อคู่ให้เท่ากันตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นยางเส้นที่มีแรงดันมากจะรับน้ำหนักมาก
ชำรุดเสียหายง่าย สึกหรอผิดปกติ เส้นที่เติมลมน้อยจะรับน้ำหนักน้อย การสึกของยางจะไม่เรียบเสมอกัน หรือสึกอย่างผิดปกติ
- ไม่ควรปรับความดันลมยางในขณะยางร้อน เนื่องจากความร้อนทำให้อากาศขยายตัว
- ยางเรเดียลเส้นลวดต้องเติมลมมากกว่ายางผ้าใบธรรมดา
ความแตกต่างของแรงดันลมเพียง 1 ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 14 ปอนด์/ตร.นิ้ว จะรับน้ำหนักต่างกันถึง 400 ก.ก. ถ้าแรงดันลมต่างกัน 2 ก.ก./
ซ.ม.2 หรือ 28 ปอนด์/ตร.นิ้ว จะรับน้ำหนักต่างกันถึง 800 ก.ก. ในกรณีแรงดันลมต่างกัน 2 ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 28 ปอนด์/ตร.นิ้ว ยางเส้น
ที่เติมลมมาก จะมีอายุใช้งานเพียง 70% เส้นที่ลมยางอ่อนจะมีอายุการใช้งานเหลือเพียง 45% การเติมลมให้เท่ากันจึงมีความจำเป็น
อย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้น จึงควรเติมลมให้พอดี ตามเกณฑ์ที่โรงงานกำหนด หรือพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งาน นอกจากต้องเติมลมให้ถูก
ต้องแล้วจะต้องมีการตั้งศูนย์ล้อ ตั้งมุมของล้อหน้า ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรฐานของรถยี่ห้อนั้นๆ อีกด้วย
การตรวจเช็คลมยาง ควรตรวจเช็คในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ และเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องควรเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานที่บริษัทรถกำหนด
นอกจากนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเก็บยางไว้นานๆ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ยางสัมผัสกับความร้อน แสงแดด ลม ฝน ความชื้น น้ำมัน และ
สารเคมีต่างๆ หากสามารถปฏิบัติได้ตามนี้ อายุการใช้งานของยางก็จะยาวนานขึ้น
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
7 หลักการขับรถทางไกล
อุบัติเหตุทางถนนนั้นเกิดมาจากหลายสาเหตุ บางครั้งเราอาจจะเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว แต่ก็ไม่วายต้องเกิดเพราะ คนอื่นมาชนเรา ซึ่งชีวิตแต่ละคนนั้นสำคัญ เพราะมันต่างจากในเกมส์ที่ชนแล้วเริ่มเกมส์ใหม่ได้ แต่ชีวิตจริง มีแต่ก่อให้เกิดการสูญเสียทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยสิ่งของ หรือชีวิต ทางที่ดีผู้ที่ขับขี่รถยนต์ทุกท่านควรปฏิบัติ และขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของท่านและคนรอบข้าง วันนี้เราจะมาบอกข้อที่ผู้ขับขี่รถยนต์ระยะทางไกลๆ ต้องจำขึ้นใจและควรนำไปปฏิบัติ
มีทั้งหมด 7 ข้อดังนี้
1. นอนหลับให้พอ การขับรถเดินทางไกล สิ่งสำคัญ คือคุณควรนอนหลับให้เพียงพอต่อการเดินทาง ควรนอนสะสมให้ครบ 8 ชั่วโมง หรือ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพื่อลดการง่วงขณะขับขี่ ซึ่งสามารถเป็นต้นเหตุของการหลับในได้
2.งดเหล้าเบียร์ และยาที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท การทานยาเหล้า-เบียร์มีผลทำให้ร่างกายอ่อนล้า เช่นเดียวกับยากดประสาทประเภทต่าง เช่น ยาแก้แพ้ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงได้
3.ท่านั่งที่ถูกต้อง หลายคนมักนั่งขับรถไม่ถูกต้อง ด้วยความกังวลว่ามันจะไม่สบาย แต่ความจริงแล้วท่านั่งขับขี่คือสิ่งที่สำคัญต่อการขับรถ เพราะช่วยให้คุณไม่เมื่อยล้า หรือนั่งผิดท่า ซึ่งทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี และนำมาสู่ความเหนื่อยอ่อนการขับขี่หรืออาการหลับในได้
ท่านั่งที่ดีควรอยู่ในท่าที่นั่งสบาย โดยมีพนักพิงโอบกระชับสะโพกและแผ่นหลัง ที่สำคัญไม่ควรนั่งชิดพวงมาลัยจนเกินไป ให้ใช้ข้อมือวัด1 ช่วงแขนจากพวงมาลัย คือจุดที่ดีที่สุดในการขับขี่
4.หาคนช่วยขับถ้าไปทางไกล บาง ครั้งเราต้องยอมรับว่าการเดินทางไกลค่อนข้างจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าหรือ เพลียได้ บางทีการหาเพื่อนที่สามารถขับรถได้นั่งไปด้วยก็ย่อยจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ในการทำให้การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่คุณก็ควรเลือกคนที่มีความชำนาญในการขับขี่ด้วย แต่หากเพื่อคุณไม่ชำนาญทางก็อาจจะสลับกันขับในช่วงที่คิดว่าเป็นจุดเสี่ยงก็ ได้
5.พักรถทุก 2 ชั่วโมง การเดินทางไกลย่อมมีการเมื่อยล้าเป็นธรรมดา และเราขอแนะนำว่า คุณควรจอดพักสักครู่ ทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือ 110 กิโลเมตร โดยประมาณ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ที่สำคัญอย่าลืมแวะเข้าห้องน้ำ เพื่อผ่อนคลายร่างกลายตัวเอง
6. น้ำเปล่า..ออพชั่นความสดชื่น หลายคนขับรถส่วนใหญ่มักจะเกิดความเมื่อยล้ากลางทาง และการคลายเครียดที่ดี อาจจะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แต่ว่า น้ำคือสิ่งที่สามารถดับกระหายได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับที่มันช่วยในการผ่อนคลายความเครียดได้ ซึ่งการดื่มน้ำขณะขับรถจะสามารถช่วยผ่อนคลายได้ในระดับหนึ่ง และสามารถเพิ่มความสดชื่นได้ รวมถึงยังช่วยลดอาการเส้นเลือดดำอุดตันจากการนั่งขับขี่เป็นระยะเวลานานๆ
7.คลายความเหนื่อยด้วยลมธรรมชาติ และจังหวะเพลง การขับรถในทางไกลแม้จะเมื่อยล้า แต่ถ้าคุณง่วงหรือเพลียมากๆ ลองปิดแอร์แล้วเปิดกระจกรับลมธรรมชาติสามารถช่วยให้คุณดื่มด่ำกับ ลมสดชื่นระหว่างการเดินทาง ที่สำคัญวิทยุก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยได้ถ้าอ่อนล้า พยายามหาเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน จะช่วยให้คุณตื่นตัวขณะขับขี่
วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ทริค..แต่งตัวของสาวๆให้สวย
ผู้หญิงเราจำนวนไม่น้อยที่มีสรีระร่างกายบางส่วนไม่สวยมักประสบปัญหาการสวม ใส่เสื้อผ้า บางทีเสื้อผ้าสวยงาม ยี่ห้อดี ๆ แต่พอซื้อมาใส่เองกลับดูไม่ได้เลย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า แต่อยู่ที่การเลือกชุดให้เข้ากันและการรู้จัก เกมส์ ตกแต่งเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือคำแนะนำบางส่วนที่สามารถช่วยคุณผู้อ่านที่มีปัญหานี้ได้ค่ะ
1.สาวขาใหญ่
ควรหลีกเลี่ยงเนื้อผ้าประเภทไลครา หรือผ้ายืด ควรเลือกกระโปรงทรงเอ เท่านั้น ให้มีความยาวประมาณเหนือเข่า หรือจะเป็นทรงตรงแบบเรียบ ที่อวดปลีน่องก็พอไหว แต่ระวังอย่าให้ชายกระโปรงยาวเท่ากับช่วงขาที่กว้างที่สุด เพราะจะสร้างภาพลวงตาว่า ท่อนล่างเท่ากับท่อนบน หรือขาใหญ่เท่ากับสะโพกเลย
2.สาวมีพุง
หยิบกระโปรงสีเรียบ ๆ และมีลวดลายข้างหน้า จะช่วยปิดบังหน้าท้องให้ดูเรียบได้
3.สาวเอวหนา
ควรเลือกใส่กระโปรงทรงเอ เอวสูงที่ค่อย ๆ บานออกจากแนวใต้สะโพก
4.สาวสะโพกใหญ่
หยุดใส่กระโปรงผ้ายืด และกระโปรงพอดีตัวได้เลย ให้เลือกสั้นประมาณเข่า
5.สาวอ้วน หากอยากดูเพรียว
ให้ใส่กระโปรงแม็กซี่ยาวกรอมเท้า เวลาเลือกซื้อแนะนำให้ลองสรวม และใช้นิ้วคีบผ้าตรงสะโพก ถ้าผ้าที่คีบเหลือข้างละครึ่งนิ้ว จะหลวมนิด ๆ เหมือนน้ำหนักลดลงไป 2 กิโลเลย
6.สาวขาสั้น
เหมาะกับกระโปรงสั้นทรงเอ แนะนำให้ใส่คู่กับถุงน่องทึบสีเดียวกัน และรองเท้าส้นสูงปรี๊ด จะทำให้ข่วงเอวลงไปถึงช่วงขาแลดูยาว จำไว้ว่ากระโปรงยาวจะอินท์แต่ตัวคุณเอาท์ กระโปรงยาวคลุมเท้า ยิ่งทำให้ดูเหมือนคนไม่มีขา
7.สาวผอม
กระโปรงอัดพลีทรอบตัว จะช่วยพรางตาให้ดูอ้วนขึ้น สารพันความงาม..ใส่เสื้อผ้าให้ดูดี
หน้าอกเล็กลงด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม
ผู้หญิงที่มีหน้าอกโตแล้วยังใส่เสื้อหลวม ๆ สีอ่อนมีลายยาวเป็นทาง แถมยังใส่กระโปรงสั้นเข้มอีก สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ไปเน้นความใหญ่โตโอฬารของหน้าอก ที่ถูกต้องแล้วควรทำดังต่อไปนี้ สวมเสื้อที่มีสีเข้ม ยิ่งเป็นสีดำก็ยิ่งดี เสื้อที่ว่าไม่ต้องมีลายอะไรไม่ว่าลายขวางยาวหรือทางขวาง ที่สำคัญต้องเป็นเสื้อที่รัดรูป แล้วใส่คู่กับกระโปรงสีอ่อน ๆ ทั้งหมดนี้ช่วยช่อนรูปและพรางตาให้หน้าอกมีขนาดเล็กลง
ลดขนาดต้นแขนด้วยเสื้อแขน 3 ส่วน
ถ้าคุณมีต้นแขนที่ใหญ่โตเหมือนท่อนซุง การที่คุณจะใส่เสื้อแขนกุด สีโทนอ่อนนั้น ดูแล้วคงจะพิลึก ดังนั้น วิธีแก้ก็คือให้ใส่เสื้อแขน 3 ส่วนปกปิดต้นแขนที่ ใหญ่โตมโหฬารของคุณ และควรเลือกสีที่สดใส ฉูดฉาดเพื่อกลบเกลื่อนทรวดทรงที่ไม่สวยของคุณ
ก้นกระชับด้วยกางเกงรัดรูปสีดำ
สีเข้มสามารถกลบเกลื่อนความใหญ่โตของอวัยวะบางส่วนได้ ผู้หญิงที่ก้นใหญ่สามารถใช้ความจริงข้อนี้มาเป็นประโยชน์กับตัวเองได้ แทนที่คุณจะใส่กางเกงหลวม ๆ สีอ่อน ๆ แล้วไปเน้นความใหญ่ของก้นของคุณก็เปลี่ยนมาใส่กางเกงรัดรูปสีเข้ม ๆ สีดำยิ่งดี เพื่อพรางตาให้ดูเหมือนว่าก้นคุณไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ถ้าใส่สีเข้มทั้งเสื้อและกางเกงแล้วดูไม่ค่อยสดใสก็อาจใส่เสื้อสีโทนร้อน แรง เพื่อเพิ่มสีสันขึ้นก็ได้
ขาสวยด้วยกระโปรงสีโทนอ่อน
ผู้หญิงที่มีขาที่ยาวและเล็กหรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าขาตะเกียบ มักมีปัญหาเวลาสวมกระโปรงสั้นแค่เข่า เนื่องจากกระโปรงแบบนี้ คุณต้องโชว์เรียวขาของคุณ ยิ่งถ้ากระโปรงนั้นมีลีดำเข้าไปอีก ก็จะยิ่งดูไม่สวยมากขึ้นเพราะจะเน้นความเล็ก และยาวของขาคุณทางแก้คือ ให้หากระโปรงยาวเลยเข่าสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีเทา สีครีมมาใส่ เพราะว่าสีอ่อนสามารถพรางตาทำให้ดูเหมือนว่าคุณมีช่วงขาที่สมส่วน ถ้าได้ใส่เข้าคู่กับรองเท้าบู๊ตยาวประมาณเข่าที่ช่วยปิดบังท่อนขาช่วงล่าง ของคุณ ก็จะยิ่งดูดีขึ้นอีกเป็นกอง
วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ใช้ ไฟหน้า ไฟฉุกเฉิน อย่างถูกวิธี
รถยนต์สมัยนี้มักจะติด
ไฟสัญญาณแปลกๆ ซึ่งบางทีกฎหมายจราจรที่ค่อนข้างจะโบราณ
ก็ไม่ได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่าอนุญาตให้ใช้สัญญาณอะไรบ้าง
ทำให้หลายคนเลือกติดและใช้กันตามอำเภอใจ
จนกลายเป็นธรรมเนียมที่หลายคนปฏิบัติต่อๆ กันมา ซึ่งการขับรถบนท้องถนนมันต่างจากการ
ที่เรานั่งเล่นเกมส์รถแข่ง เราควรที่จะรู้และปฏิบัติจริงเพื่อความปลอดภัย ดังนี้
ความจริงแล้ว ไฟต่างๆ เหล่านี้ เป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง และในเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน ถือว่า "สัญญาณ" นั้นเป็นภาษาของถนน ซึ่งต้องเป็นสากล หมายความว่าไม่ว่าชนชาติใด พูดภาษาใด จะต้องฟังหรืออ่านภาษาของถนนอันเป็นสากลนี้เข้าใจแจ่มชัดเหมือนกันหมด เป็นภาษาเดียวกัน
ความจริงแล้ว ไฟต่างๆ เหล่านี้ เป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง และในเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน ถือว่า "สัญญาณ" นั้นเป็นภาษาของถนน ซึ่งต้องเป็นสากล หมายความว่าไม่ว่าชนชาติใด พูดภาษาใด จะต้องฟังหรืออ่านภาษาของถนนอันเป็นสากลนี้เข้าใจแจ่มชัดเหมือนกันหมด เป็นภาษาเดียวกัน
ไฟหน้าเจ้าปัญหา-สื้อสารผิดๆ
ส่วนในต่างประเทศบางแห่ง เช่น ในยุโรปและประเทศอังกฤษ ไฟแว็บหน้าที่เปิดกันแว็บๆ นั้น สัญญาณนี้แปลได้ว่า "เชิญคุณไปได้ ผมให้ทางคุณ" ดังนั้น พวกฝรั่งพวกนี้มาขับรถในเมืองไทย เห็นพี่ไทยเปิดไฟไห้แว็บๆ ก็นึกว่าเหมือนบ้านตัวก็ออกพรวดไปเลย จึงมักจะถูกชนซี่โครงหักไปหลายราย นี่ก็คืออันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เป็นภาษาสากล แต่อ่านแปลให้ผิดเพี้ยนไปตามวัฒนธรรมของแต่ท้องถิ่นแต่ละประเทศ |
||||||||||
แท้จริงไฟหน้านี้ใช้ทำอะไรกันแน่ ????
ไฟแว็บหน้าใหญ่นั้น จริงๆ แล้วแปลว่า "ระวัง" หรือ "ผมอยู่ตรงนี้" เพื่อเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้ระมัดระวังว่ามีรถอีกคันอยู่ตรงนี้ หรืออีกนัยหนึ่งสัญญาณนี้ใช้แทนสัญญาณแตร ในกรณีที่ใช้แตรไม่ได้ เช่นในเวลากลางคืน กฎหมายห้ามใช้แตร หรือ ในสถานที่ที่มีเครื่องหมายห้ามใช้แตร เพราะจะรบกวนบุคคลอื่น เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานที่ราชการ หรือกรณีที่เป็นกลางวัน จะใช้เตือนรถที่หันหน้าเข้าหา ใช้ไฟแว้บเตือนให้ระวังจะดีกว่าเสียงแตร เพราะแสงนั้นเดินทางได้เร็วกว่าเสียหลายเท่าตัวนัก นอกจากนั้นยังมีสัญญาณไฟฉุกเฉินที่วัฒนธรรมผันแปร จนเกิดอุบัติถึงแก่ชีวิตในทางหลวงหลายรายแล้ว คือสัญญาณไฟฉุกเฉินนั้น รถสมัยนี้จะติดมาให้ทุกคัน เป็นสัญญาณไฟเหลืองกะพริบทั้งหน้าหลังซ้ายขวารวม 4 ด้าน ตามวัฒนธรรมบ้านเรา หากรถถูกลากจูงก็จะเปิดไฟฉุกเฉินนี้ ทันที หรือถ้าผ่านสี่แยกจะไปทางตรงส่วนใหญ่ก็จะเปิดไฟฉุกเฉินนี้ทันที จุดนี้สร้างอันตรายอย่างมากบนทางหลวง เพราะการให้สัญญาณที่ผิดและไม่เป็นสากล นั่นเพราะว่าผู้ที่สวน ทาง หรือผู้ที่ตามหลัง คงจะเดาได้ว่ารถคันที่ให้สัญญาณนี้คงจะไปตรงแต่รถที่ผ่านสี่แยกทางด้านข้าง จะอ่านสัญญาณที่ผิดทันที เพราะจะเห็นสัญญาณเพียงด้านข้าง ข้างหนึ่งข้างใดแค่เพียงด้านเดียว ทำให้เข้าใจว่ารถคันที่ให้สัญญาณฉุกเฉินนี้จะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา แล้วแต่รถคู่กรณีจะอยู่ทางใด เมื่ออ่านผิด รถคันที่อ่านผิดก็จะออกรถไปในทางตรงทันที ก็เกิดชนกันกลางสี่แยกถึงบาดเจ็บล้มตายไปมากจึงขอให้นักขับรถทั้งหลาย พึงระวังในการใช้ไฟสัญญาณฉุกเฉินนี้ให้มาก |
||||||||||
ชื่อก็บอกว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน คือหมายความว่า
รถคันเกิดเหตุนั้นไปไม่ได้เพื่อให้รถคันอื่นๆ
ทราบว่ารถเราเสียไปไม่ได้ต้องจอดขวางทางอยู่ หรือต้องจอดอยู่เฉยๆ
หรือรอความช่วยเหลือ
หรือจอดเพื่อดูแลซ่อมแซมอยู่ก็เปิดไฟฉุกเฉินไว้เพื่อให้รถคันอื่นได้รับทราบ
หรือขณะที่ขับอยู่บนถนนหลวงมีเหตุที่ต้องจอด
เพราะมีสิ่งกีดขวางถนนอยู่จนไม่สามารถเคลื่อนรถได้ ก็ให้เปิดไฟฉุกเฉินนั้น
เพื่อให้รถตามหลังมาทราบว่าขณะนี้รถเราจอดอยู่นิ่งๆ บนท้องถนน
ความปลอดภัยก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวเราผู้ขับขี่ และแก่บุคคลอื่นที่ตามเรามา
จะได้อ่านสัญญาณนี้ออกเป็นภาษาเดียวกัน
กล่าวโดยสรุปก็คือ ไฟสัญญาณฉุกเฉินนี้ จะใช้ต่อเมื่อรถนั้นได้จอดอยู่กับที่เท่านั้น ห้ามไปใช้วิ่งบนท้องถนนแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน บางกรณีที่เห็นบ่อยๆ ก็คือ เมื่อรับคนเจ็บป่วยต้องการรีบนำไปส่งโรงพยาบาล ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เปิดไฟฉุกเฉินแล้ววิ่ง เพื่อจะได้ถึงโรงพยาบาลเร็วๆ แต่มักปรากฎว่าทั้งคนขับคนเจ็บและญาติ ไม่ค่อยจะถึงโรงพยาบาลส่วนมากจะถึงเพียงสี่แยกใดสี่แยกหนึ่งเท่านั้น ขับรถหากระมัดระวัง ใช้กฎแห่งความปลอดภัยโดยถูกต้อง ทั้งเทคนิคการขับและสัญญาณให้เป็นสากลโดยแท้ ท่านก็จะเป็นผู้ขับรถอย่างปลอดภัยตลอดไป |
วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
10 สิ่งที่ควรปฏิบัติ เมื่อขับรถชน
10 สิ่งที่ ควรปฏิบัติ ไม่ ว่าจะขับรถใหม่... รถมือสอง ก็ตาม เมื่อเราขับรถไปชนกับคนอื่น
หรือถูกชนเราควรทำอย่างไร
1. หยุดรถ
ให้หยุดรถทันที แม้ว่าจะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยเพียงใด อย่าเลื่อนรถจนกว่าจะตกลงกันได้ว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นจากสาเหตุใด และใครเป็นคนผิด หรือถ้าจะให้ดีควรรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตีเส้นอุบัติเหตุก่อน แล้วจึงค่อยเลื่อนรถ เว้นแต่จะเกิดอุบัติเหตุในที่เปลี่ยว ในกรณีนี้ให้คุณจดเลขทะเบียนรถคู่กรณี สี ยี่ห้อ ตำหนิ เวลาและสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ แล้วขับต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงที่ชุมชน หรือพบตำรวจ อย่าจอดรถในที่เกิดเหตุเป็นอันขาด เพราะเคยมีเหตุการเจ้าของรถถูกจี้ หรือถูกทำร้ายบ่อยๆ เมื่อลงจากรถ หลังเกิดเหตุในที่เปลี่ยว
2. อย่าพูดพล่อย
การขอโทษของคุณ อาจจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายอ้างขึ้นมาว่า คุณยอมรับเป็นฝ่ายผิด อีกทั้งไม่ควรกล่าวโทษอีกฝ่าย เพราะคุณยังไม่รู้ท่าทีของอีกฝ่าย การกล่าวโทษ อาจทำให้เหตุการเลวร้ายลงไปอีก จำไว้เสมอว่า คุณไม่มีอำนาจในการตัดสินว่าใครผิดใครถูก แม้แต่เวลาที่คุณคิดว่า คุณเป็นฝ่ายผิด คุณอาจจะไม่ผิดอย่างที่คิดก็ได้
3.ให้ข้อมูล
ให้คุณให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณ ชื่อ- ที่อยู่เลขทะเบียนรถ และ ชื่อประกันที่คุณ มีแก่คู่กรณี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
4. หาข้อมูล
หลังจากคุณให้ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นแล้ว คุณควรขอข้อมูลจากคู่กรณีด้วยเช่นเดียวกัน หากอีกฝ่ายไม่ให้ ก็ให้คุณจดเลขทะเบียน รูปพรรณของรถเอาไว้ อย่า !พยายามยึดใบขับขี่ของคู่กรณี เพราะคุณอาจโดนข้อหาลักทรัพย์
5. แจ้งตำรวจ หลังเกิดเหตุ
คุณควรแจ้งตำรวจทุกครั้ง แม้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย หรืออีกฝ่ายยอมรับผิดก็ตาม เพราะมิฉะนั้นแล้ว หากอีกฝ่ายแจ้งความในภายหลัง เจ้าหน้าที่จะสรุปว่าคุณหลบหนี และคุณจะเป็นฝ่ายผิดทุกกรณี หากเจ้าหน้าที่ยังไม่มาให้คุณไปแจ้งความยังสถานีตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูที่เกิดเหตุ และตีเส้นตำแหน่งรถ อย่าเลื่อนรถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง หากไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ ให้คุณทำหนังสือยืนยันเหตุการที่เกิดขึ้นไว้เป็นหลักฐาน
โดยลงชื่อยืนยัน ไว้ทั้ง 2 ฝ่าย อย่าหลงเชื่อคู่กรณี หากบอกว่าไม่ต้องแจ้งตำรวจ เพราะอีกฝ่ายอาจปฏิเสธความรับผิดชอบในภายหลัง ในกรณีนี้ หากคุณไม่มีเจ้าหน้าที่เป็นพยานหรือหนังสือยืนยัน ตามกฏหมายจะถึงว่า คำพูดของคุณอ่อนหลักฐาน
6. หาพยาน
โดยสอบถามจากคนบริเวณที่เกิดเหตุ อาจเป็นคนเดินถนน หรือรถคันข้าง ๆหากเขายินยอมเป็นพยาน ให้คุณจดชื่อ-ที่อยู่เพื่อติดต่อเอาไว้ เพื่อในกรณีเหตุที่ซับซ้อน เช่น คุณกำลังเข้าถนน 4 เลน รถ 2 เลนแรกหยุดให้คุณแล้ว แต่คุณชนรถในเลนที่ 3 ในกรณีนี้ คุณอาจเป็นฝ่ายผิดหากไม่สามารถหาพยานมายืนยันได้
7.ไปโรงพยาบาล
หากคุณสงสัยว่าได้รับบาดเจ็บ ควรไปพอแพทย์เพื่อตรวจ หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายและการเรียกร้องค่าเสียหายใน ภายหลังจะยากขึ้นด้วย
8. แจ้งความ
ในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จะต้องไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ทันที แม้กฏหมายจะผ่อนปรนให้แจ้งความใน 6 เดือน เพราะบริษัทประกันส่วนใหญ่ไม่รับรองใบแจ้งความย้อนหลัง
9. ตกลงเงื่อนไข การจ่ายค่าเสียหาย
เรียกเจ้าหน้าที่ประกันภัยมาทันที ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถแนะนำคุณได้ว่า ควรให้บริษัทชดใช้ หรือคุณควรจ่ายเอง เพราะเบี้ยประกันของคุณอาจเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 หากค่าชดใช้นั้นเกินกว่าเบี้ยประกัน ร้อยละ 200 (ตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน) หากต้องชดใช้ 2,100 บาท ค่าเบี้ยประกันของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,200 บาท คุณอาจจะประหยัดได้มากกว่า หากจ่ายเงินชดใช้ 2,100 บาทเอง
10. อย่ารีบรอมชอม
หลังอุบัติเหตุ หากอีกฝ่ายยอมรับเป็นฝ่ายผิด และคุณสงสัยว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บ อย่าเพิ่งรีบรับข้อเสนอให้ยอมความ เพราะการบาดเจ็บของคุณ อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะรู้ว่าอาการของคุณรุนแรงเพียงใด หากคุณยอมความไปแล้ว การเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม จะทำได้ยากขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ได้รับบาดเจ็บ และข้อเสนออีกฝ่ายเป็นที่น่าพอใจ ก็ให้คุณยอมความได้
อุบัิติเหตุึสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยที่เราไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เลย
พื้นฐานที่สำคัญที่สุด เราควรขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อการสูญเสียที่จะเกิดให้น้อยที่สุด
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เทคนิคการขับรถเกียร์ธรรมดา
การขับรถนั้นมีทั้ง ระบบเกียร์ออโต้ และ ระบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งบางคนคิดว่าการขับรถเกียร์ธรรมดาขับยากกว่า แต่ความสนุกในการขับขี่เกียร์ธรรมดามีมากกว่า...เหมือนได้ "บังคับ" ยานพาหนะได้เต็มไม้เต็มมือ.ด้วยตัวเราเอง..การขับรถเกียร์ธรรมดาจะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เมื่อศึกษาเทคนิคต่างๆ ดังนี้
1. ทุกครั้งก่อนออกจากรถ ผู้ขับรถควรจะปลดเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่างเสมอพร้อมทั้งดึงเบรกมือ ค้างไว้ เพื่อป้องกันการหลงลืมเมื่อมีการไขกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งใหม่ เพราะเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยเกียร์ไม่ได้อยู่ ในตำแหน่งเกียร์ว่าง รถจะพุ่งไปข้างหน้า หรือถอยหลังอย่างฉับพลัน อันจะก่อให้เกิดอันตรายได้ สำหรับการ ปลดเกียร์ว่าง นอกจากจะปฏิบัติก่อนออกจากรถทุกครั้งแล้ว อาจปฏิบัติในขณะรถติดนาน ๆ ได้ด้วย โดยดึงเบรกมือ แทนการเหยียบเบรก และคลัทซ์ค้างไว้ ช่วยพักเท้าคลายอาการเมื่อยล้าได้ด้วย
2. ควรเหยียบคลัทซ์ทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ มาสู่ระบบ ขับเคลื่อน เพราะหากลืมปลดเกียร์มาที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง การเหยียบคลัทซ์จะทำให้รถไม่พุ่งไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน
3. มือใหม่หัดขับ มักพยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ต้องขึ้นสะพาน แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องติดค้าง อยู่บนสะพาน ผู้ขับมือใหม่มักกังวลว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อไม่ให้รถไหลไปชนคันหลัง วิธีง่าย ๆ ก็คือ ปลดเกียร์ว่าง พร้อมกับดึงเบรกมือ และเมื่อจะเคลื่อนตัวให้ผู้ขับเหยียบคลัชท์และเข้าเกียร์ 1พร้อมที่จะออก แล้วเหยียบคันเร่งช้า ๆ พร้อมกับปลดเบรกมือ รถอาจจะไหลบ้างเล็กน้อยตามพื้นที่ลาดเอียง มือใหม่หัดขับไม่ต้องตกใจ ออกตัวรถไปตามปกติ
4. เลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วของรถ และเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ไม่ต่ำ หรือสูงเกินไป (2,000 – 3,000 รอบ/นาที) จะทำให้การขับขี่นุ่มนวลยิ่งขึ้น และประหยัดน้ำมันอีกด้วย
5. การชะลอรถ/หยุดรถ เมื่อขับมาด้วยความเร็ว ให้ค่อย ๆ แตะเบรก อย่าพึ่งเหยียบคลัทซ์ เพื่อให้กำลัง ของเครื่องยนต์เป็นตัวช่วยชะลอรถ (ENGINE BRAKE) จากนั้น เมื่อรถใกล้จะหยุด ให้เหยียบคลัทซ์ และเมื่อรถ หยุดสนิทให้ปลดเกียร์ว่าง พร้อมทั้งดึงเบรกมือเพื่อป้องกันรถไหล
6. หมั่นฝึกเปลี่ยนเกียร์ให้เกิดความชำนาญ โดยใช้ประสาทสัมผัสแทนการเหลือบมอง เพื่อป้องกัน การเกิดอุบัติเหตุ
สิ่งสำคัญที่ไม่ควรจะละเลย นั่นคือ ไม่ควรวางเท้าไว้ที่แป้นคลัทซ์ตลอดเวลา แม้ จะไม่ได้เหยียบคลัทซ์ก็ตาม เพื่อยืดอายุการใช้งานของลูกปืนคลัทซ์ นอกจากนี้ ยังไม่ควรเลี้ยงคลัทซ์เมื่อรถติดอยู่บนเนินหรือสะพาน เพราะจะทำ ให้คลัทซ์ลื่น คลัทซ์ไหม้ และอายุการใช้งานของผ้าคลัทซ์ก็จะสั้นลงด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
อาการน่าเป็นห่วงของรถที่ต้องดูแล
ในยุคปัจจุบันรถเป็นอีกอย่างที่กลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในชีวิตของคนเรา ซึ่งเราก็ค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับรถอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักวิธีการดูแลรักษารถ อะไรบ้างที่จะบอกเราได้ว่ารถของเราต้องการการดูแล มาดูสัญญานเตือนเหล่านี้กันค่ะ
1.สตาร์ทเครื่องนานกว่าปกติ ทันทีที่เราขึ้นรถแล้วบิดกุญแจเชื่อหรือไม่ครับว่า แม้แต่เสียงสตาร์ทนั้นยังบอกความเป็นสุขของรถท่านได้ โดยปกติแล้วการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นจะใช้การถีบตัวไม่เกิน 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที ถ้านานกว่านั้นแสดงว่ารถเริ่มมีปัญหา ซึ่งโดยปกติ หมายถึงแบตเตอร์รี่อาจจะเริ่มเสื่อมสภาพ ยิ่งถ้ารถคุณ 2-3 เมื่อไรแล้วสตาร์ทช้า เตรียมเงินถอยแบตเตอร์รี่ลูกใหม่ได้เลย
2. ร่องรอยน้ำมัน บางครั้งเมื่อคุณจอดรถแล้วพบรอยน้ำมันหยดเป็นทางนั้น หรือเป็นจุดนั้นอย่าวางใจโดยเด็ดขาด เพราะตามปกติแล้วน้ำมันจะไม่สามารถหยดได้เอง นอกจากเกิดความเสียหายต่อระบบนั้นๆ ซึ่งหมายถึงต้องมีอะไรผิดปกติแล้ว ดังนั้นถ้าพบข้อนี้รีบตรวจสอบด่วน
3.เสียงที่ผิดปกติ ใน หัวข้อนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยากในการสังเกตในระหว่างขับรถแต่คุณสามารถ สังเกตได้เมื่อรถจอดหรือเดินเบาเครื่องยนต์ก่อนขับออกถนน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการทำงานของเครื่องยนต์จะไม่มีเสียงผิดแปลก โดยเฉพาะเสียงเหล็กกระทบกัน หรือทางศัพท์ช่าง เรียกว่า "เสียงน๊อก" (Knocking) ซึ่งหากท่านได้ยินเสียงดังกล่าว และไม่เคยได้ยินมาก่อนนั้น ให้รีบไปหาผู้เชี่ยวชาญทันที แต่ทางที่ดีอันนี้อยากแนะนำบันทึกเสียงนั้นไว้ก่อน โดยอาจจะถ่ายคลิป เพื่อใช้ประกอบในการอธิบายปัญหา
4.ควันขาวออกท่อ จงจำไว้ว่ารถที่ดีนั้นต้องไม่มีควันขาว และเมื่อไรก็ตามที่รถของท่านมีอาการควันสีขาวออกท่อ พร้อมกลิ่นฉุน นั่นหมายถึงต้องมีสิ่งที่ผิดปกติกับระบบเครื่องยนต์ ซึ่งหากชี้ชัดไปนั้นมันจะมีหลายอาการมาก แต่เอาเป็นว่าถ้าเห็นแล้วรับหาช่างจะดีกว่านะ
5.ขับรถแล้วดูนุ่มนวลผิดกว่าปกติ บางครั้งที่คุณขับรถนั้นเวลาขับสังเกตดีๆว่ารถเรานิ่มนวลผิดปกติไปหรือไม่จากที่เคยใช้มา ถ้าคำตอบคือ "ใช่" แสดงว่ารถคุณมีความเป็นไปได้ใน 2 ทาง คือ 1 ลมยางอ่อน บางครั้งอาจจะหมายถึงยางรั่ว กับ 2 ระบบช่วงล่างบางชิ้นเสื่อมสภาพ โดยมากคือสปริง หรือโช๊ค
6.เสียง จี๊ดๆ ตอนเบรก ในข้อนี้หลายคนอาจจะบอกว่ามันเป็นอย่างไร แต่เอาเป็นว่าเมื่อคุณกดเบรกแล้ว ได้ยินเหมือนเสียงหนูร้องเพรียกอยู่ในรถ อาจจะด้านหน้า หรือ ด้านหลัง ซึ่งข้อนี้หมายถึงผ้าเบรกที่กำลังหมดอายุการใช้งาน ถ้าได้ยินแล้วอย่ารอช้า รีบหาเวลาไปเปลี่ยนผ้าเบรกก่อนที่มันจะทำความเสียหายต่อชุดจานเบรก
7.รถเร่งแล้วอืดกว่าเดิม ถ้าเมื่อไรรถคุณเร่งแล้วรู้สึกว่าไม่พุ่งเหมือนเดิมนั้น แต่ไม่มีความผิดปกติอย่างอื่นเช่นรอยน้ำมัน นั่นหมายถึงรถคุณนั้น อาจจะต้องการการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว แต่หากถ่ายมาแล้วและยังวิ่งอืดอยู่ ก็จะมีอีก 2 ตัว คือ 1.กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และ 2 กรองอากาศ ซึ่งอาการรถมีอัตราเร่งถอยนี้มีผลโดยตรงต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงครับ
วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เรื่องของยางรถยนต์ที่เราควรรู้
1. ยางหมดอายุหรือยังไม่ใช่ดูที่ดอกยางอย่างเดียวควรดูที่เนื้อยางด้วยว่าแตกร้าวหรือปล่าว
2. การจอดรถอยู่กับที่นานๆควรจะขยับรถบ้างเพื่อไม่ให้ยางเสียรูป
3. ยาง ดีๆราคาถูกไม่มี
4. ยางแต่ละเส้นมีอายุการใช้งานประมาณ50000กมหรือประมาณ3ปี
5. ยางติดมากับรถไม่ใช่ยางที่ดีเสมอไป
6. ยางของทุกยี่ห้อตอนนี้ถ้าบวมหรือมีปัญหาเกี่ยวกับยางภายใน4ปีสามารถ เคลม บริษัทได้
7. ยาง บริดสโตน ที่ตอนนี้ติดมากับกระบะตัวใหม่แทบทุกรุ่นยางเป็นรุ่นR623จะเป็นจ้ำๆที่หน้ายางล้อหน้าทุกเส้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)