วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

การดูแลหลังซื้อรถยนต์มือสอง

เป็นไปได้ยาก ที่เราจะทราบว่า รถที่เราซื้อมานั้นได้รับการดูแล ซ่อมแซมมาในจุดใดแล้วบ้าง จะมานั่งดู Book Service ก็เป็นเรื่องใหญ่ มักอ่านไม่รู้เรื่อง หรือไม่มีมา ครั้นจะมาเย็นใจซื้อมาแล้ว ใช้ๆไปก่อน เดี๋ยวค่อยเช็คทีหลัง พอดีรถสุดที่รักก็เกิดปัญหา (เจ๊ง) เสียก่อน หลังจากที่เราได้ซื้อรถมาครอบครองแล้ว เราควรนำรถไปเช็ค หรือเปลี่ยนในจุดใดบ้าง เป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์ เสียกิ๊ก (กรณีไม่มีรถไปรับ ไม่รู้เกี่ยวหรือเปล่า) รับประกันหมดปัญหากังวนใจในภายหน้า

ระบบสารหล่อลื่นทั้งหมด
น้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง , ไส้กรองน้ำมันเครื่อง เสียใหม่ และทำการจดบันทึก เลขกิโลเมตรที่ใช้งาน ส่วนมากน้ำมันเครื่องเกรดทั่วๆไป จะมีอายุการใช้งานที่ 5,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นพวก สังเคราะห์ และกึ่งสังเคราะห์จะอยู่ได้กว่า 10,000 กิโลเมตร และคอยตรวจเช็คระดับหลังใช้งานอยู่เรื่อยๆ น้ำมันเครื่องที่พร่องลงไปในระหว่างใช้งานจะ มากหรือน้อยนั้น หมายถึงความหลวมของเครื่องยนต์ เป็นการประเมินได้ว่าเครื่องจะต้องได้รับการซ่อมแซมต ่อไปอย่างไร
น้ำมันเกียร , น้ำมันเฟืองท้าย ไม่ว่าจะเป็นเกียรออโต้ หรือเกียรธรรมดาจะมีอายุการใช้งานที่ 25,000 – 50,000 กิโลเมตร ควรตรวจเช็คระดับ ว่าขาดหายหรือไม่ ถ้าเก่ามากควรได้รับการเปลี่ยนถ่าย หรือถ้ารั่วควรรีบซ่อมแซมโดยด่วน


น้ำมันเบรก ถือเป็นสารหล่อลื่นในระบบเบรก ควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 1-2 ปี ถ้าเห็นว่าน้ำมันมีสีคล้ำ ควรเปลี่ยนถ่าย เพราะอาจทำให้ลูกยางเบรก และแม่ปั้มเสียหายก่อนกำหนด
น้ำมันครัช ควรเปลี่ยนถ่ายพร้อมๆน้ำมันเบรก และเป็นการตรวจสอบรอยรั่วของแม่ปั้มครัช ว่ามีอาการรั่วซึมหรือไม่ เพื่อป้องกันลูกยางครัชแตก ถึงกับเข้าเกียรไม่ได้
น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ปกติจะต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 1-2 ปี น้ำมันที่เก่ามากๆ จะทำให้ปั้มน้ำมัน และ แร็คพวงมาลัยสึกหรอเร็วกว่ากำหนด น้ำมันเพาเวอร์ที่เก่าจะเป็นสีแดงจางๆ
น้ำมันกระปุกพวงมาลัย สำหรับรถกะบะพวงมาลัยธรรมดา น้ำมันกระปุกพวงมาลัยควรได้รับตววจเช็ค ถึงระดับน้ำมัน ถ้าขาดควรเติมเพิ่ม


ระบบหล่อเย็น
น้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำ ตามปกติน้ำยาหล่อเย็นจะต้องใช้เครื่องวัดสภาพ น้ำยาหล่อเย็นที่เสื่อมสภาพจะทำให้ หม้อน้ำเกิดสนิม เกิดการผุกร่อน ท่อยางน้ำบวม และปั้มน้ำเสียหาย ถ้าไม่แน่ใจทำการเปลี่ยนเสียใหม่ดีกว่า และ ควรใช้น้ำยาที่มีคุณภาพ ความเข้มข้นตามที่โรงงานกำหนด ใช้น้ำสะอาดบริสุทธิ์ พวกน้ำกรอง อย่างน้ำดื่ม (ไม่ต้องถึงขั้นน้ำกลั่นหรอกครับ)
ตรวจเช็คสภาพหม้อน้ำ และรอยรั่ว เมื่อเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำแล้ว ควรตรวจเช็ครอยรั่วของหม้อน้ำไปในตัว หม้อน้ำที่เป็นพลาสติก ถ้าฝาครอบพลาสติกเริ่มมีรอยร้าว (แตกลายงา เหมือนพระเครื่อง) รีบเปลี่ยนทันที หรือซ่อมแซมเป็นแบบทองเหลืองจะทนกว่า ถ้าสภาพหม้อน้ำเก่า มีรอยรั่ว ครีบหม้อน้ำล้มชำรุด หรือมีขี้เกลือเกาะมาก ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งลูก จะดีกว่า


ท่อยางน้ำหล่อเย็น พวกนี้มีอายุการใช้งาน 4 – 5 ปี ท่อน้ำที่เริ่มเสื่อมสภาพ จะมีลักษณะบวมไม่เข้ารูป ท่อน้ำเริ่มนิ่ม หรือมีรอยร้าว ท่อน้ำแข็งตัวบิดไปมาไม่ได้ พวกนี้พร้อมแตกรั่วทันที รวมถึงท่อน้ำหล่อเย็นบริเวณเครื่องยนต์ทุกเส้น
ปั้มน้ำ อายุการใช้งานที่ 100,000 กิโลเมตร หรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับสภาพ สนิมในหม้อน้ำที่มีคุณสมบัติ กัดกร่อนซีลปั้มน้ำ ถ้าคิดว่ารถที่ซื้อมาวิ่งเกิน 100,000 และยังไม่ได้เปลี่ยนให้ถือเป็นชิ้นส่วน ที่ควรเปลี่ยนใหม่ได้เลย
พัดลมไฟฟ้าหม้อน้ำ พวกนี้มีอายุการใช้งานเหมือนกัน ถ้ารถวิ่งเกิน 100,000 กิโล แล้วมักจะได้ต้องเปลี่ยนทุกคัน อาการเสียมักจะเกิดจาก ถ่านมอเตอร์หมด บูชพัดลมแตก หรือลดมอเตอร์ช็อต พวกนี้จะทำให้พัดลมหมุนช้าลง ไม่มีแรง การระบายความร้อนไม่เพียงพอ ควรหาช่างที่มีความชำนาญตรวจเช็ค
พัดลมฟรีปั้ม พวกรถกระบะพัดลมระบายความร้อนจะใช้ระบบ น้ำยาเพิ่มความหนืด ตามอุณหภูมิเครื่องยนต์ น้ำยาที่เริ่มเสื่อมสภาพ จะทำให้พัดลมหมุนฟรีมาก การระบายความร้อนหม้อน้ำ และ แผงคอยล์ร้อนแอร์ไม่เพียงพอ ต้องทำการเปลี่ยนน้ำยาเสียใหม่


ระบบเครื่องยนต์
สายพานไทมมิ่ง เป็นสายพานขับชุดเพลาราวลิ้นของเครื่องยนต์ ส่วนมากจะมีอายุการใช้งานที่ 80,000 – 150,000 กิโลเมตร การจะมาดูที่เลขหน้าปัด ชื่อถือได้น้อยมาก ดังนั้นสำหรับสายพานไทมมิ่ง แนะนำให้เปลี่ยนทันทีหลังซื้อรถ เพราะการที่สายพานไทมิ่งขาด หมายถึงการที่ต้องอาจเปลี่ยนเครื่องใหม่ หรือการซ่อมแซมกันหลักหมื่น ได้ง่ายๆ
สายพานหน้าเครื่อง,ไดชาร์จ ,แอร์ ,ปั้มน้ำ เพาเวอร์ สายพานพวกนี้สามารถตรวจเช็ค รอยร้าว ความแห้งกรอบ และระยะความตึงของสายพาน ถ้ายังใช้งานได้ก็ทำการตั้งให้ได้ระยะ ก็เพียงพอ
จุดรั่วซึมน้ำมันเครื่อง สังเกตได้ง่ายๆที่ตัวเครื่องยนต์ ถ้ามีคราบเหนียวๆ หรือมีน้ำมันหยดบริเวณที่จอดรถ หมายถึงการมีน้ำมันเครื่องรั่วซึม อาจจะเกิดจากซีล ยางต่างๆ หรือการหลวมพร้อมที่จะหลุดของอุปกรณ์บางอย่าง ไม่ควรใจเย็น รีบหาช่างตรวจหา และซ่อมแซมเสียแต่เนิ่นๆ
ใส้กรองอากาศ สังเกตดูความสกปรก ถ้าไม่มากพอเป่าทำความสะอาดได้ หรือถ้าอุดตันเปลี่ยนใหม่ดีกว่า ทำให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น
ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงพวกกรองเบนซิล กรองหัวฉีด หรือกรองโซล่า เปลี่ยนใหม่ และเริ่มจดบันทึกการใช้งาน


ระบบเบรก
ผ้าเบรก เป็นส่วนหนึ่งหลังจากซื้อรถมากแล้ว พลาดไม่ได้ เรียกได้ว่า ไปไม่ถึง ยังดีกว่าเบรกไม่อยู่ ให้ช่างตรวจสอบความหนาของผ้า เพื่อกำหนดระยะเปลี่ยน และตรวจสอบสภาพต่างๆ เกี่ยวกับเบรกไปในตัว
สายอ่อนเบรก ส่วนมากเป็นสิ่งที่ทุกคนมักมองข้าม แต่ส่งผลถึงอาการเบรกแตกได้ง่ายๆ ถ้าเก่าให้รีบเปลี่ยนอย่างน้อยก็ยังอุ่นใจ ใช้ได้ตั้งหลายปี


ระบบช่วงล่าง
เป็นระบบที่ควรหาช่างตรวจเช็ค ตั้งแต่ ช็อค และ สปริง ลูกหมากบังคับเลี้ยว ยอยเพลากลาง ลูกปือนล้อ บูชยางต่างๆ แร็คพวงมาลัย รวมถึงลูกยางหุ้มเพลาขับ ยางหุ้มแร็ค ถ้าเสียหรือขาดควรได้รับการซ่อมแซมทันที เพราะพวกนี้มักจะส่งพลถึง สมรรถนะการขับขี่ และความสามารถในการเกาะถนน เป็นอันตรายมากๆ สำหรับชิ้นส่วนที่หลวมมากจน เกิดการหลุดแตกออกมาระหว่างการขับขี่
ล้อ และยาง
อายุการใช้งานของยางรถยนต์อยู่ในหลักไม่เกิน 4 ปี ก่อนที่จะเกิดอาการบวม แตกลายงา ยางที่เก่าประสิทธิภาพในการเกาะถนน การรีดน้ำ และการเบรกจะสูญเสียไปในทุกขณะ ควรตรวจเช็ดวันเดือนปีที่ผลิตของยาง ถ้ายางยังใช้งานได้ดี ให้จดบันทึก และทำการสลับล้อยางตามคู่มือรถ หรือทุกๆ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร


ระบบไฟฟ้า
อีกระบบหนึ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ มีอยู่มากรถที่ซื้อมาช่วงแรกๆ อาจเกิดปัญหามาจากระบบสายไฟ โดยเฉพาะพวกสายไฟต่อเติม เช่นเครื่องเสียง ไฟหน้า สปอร์ทไลท์ หรือพวกอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ซึ่งได้มีการถอดเข้า ออก พวกนี้มักจะเกิดปัญหาลัดวงจร ไฟไหม้ หรือเครื่องดับได้ง่ายๆ ควรหาช่างไฟ (เก่งๆ) ตรวจความเรียบร้อย หรือถอดสายที่ไม่จำเป็นออกให้หมด และควรตรวจเช็คสภาพความพร้อมของกล่องฟิวส์ และฟิวส์สำรอง รวมถึงไดชาร์จ และได้สตารท์ให้เรียบร้อย
แบตเตอร์รี่ และน้ำกลั่นแบตเตอร์รี่
อันดับแรก ควรตรวจเช็คระดับน้ำกลั่น ในแบตเตอร์รี่ ควรอยู่ในระดับที่กำหนด และตรวจหา วัน – เดือน – ปี ที่หมดอายุของแบตเตอร์รี่ ส่วนมากแบตเตอร์รี่แบบเติมน้ำกลั่นจะมีอายุการใช้งาน ไม่เกิน 2 ปี ถ้าไม่แน่ใจถึงอายุของแบตเตอร์รี่ ให้เรียบเปลี่ยนเสียก่อนดีกว่า ไปจอดที่ไหนแล้วสตารท์ไม่ติด

ระบบแอร์
อย่างแรกควรหาช่างถอดตู้แอร์ ออกมาล้างทำความสะอาด เพราะตู้แอร์ที่รั่ว มักเกิดจากสิ่งอุดตันเข้าไปกัดกร่อนจนคอยล์เย็นเสียห าย ควรล้างออกเสียบ้าง และตรวจเช็คข้อต้อ โอริง ท่อน้ำยาแอร์ ต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด ปัญหาเรื่องตู้อบเคลื่อนที่


วันต่อภาษี และ พ.ร.บ.
เป็นสิ่งสำคัญที่มักจะลืมเลือน เราต้องตรวจดูว่า ภาษีรถยนต์ประจำปีจะหมดใน วันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร เพราะอาจทำให้ต้องมาเสียค่าปรับ เสียเวลากันอีกครับ
อย่างที่กล่าวมา การดูแลรถยนต์มือสอง ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือน่ากลัวอย่างไร ถ้าเรารู้จักดูแลรักษา เช็คสภาพหลังใช้งานบ่อยๆ รถสุดที่รักของคุณก็เป็นพาหะนะที่รู้ใจ ใช้งานไปอีกยาวนาน

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

มารู้จักกับกระจกรถกันหน่อย

นานมาแล้วมีเพื่อนคนหนึ่งขับรถไปเที่ยว “เธค”ซึ่งนิยมกันมากในหมู่วัยรุ่นยุคนั้น จนกระทั้งเธคเลิกจะกลับบ้าน
ถึงได้มารู้ตัวว่าลืมกุญแจเอาไว้ในรถ ไม่รู้ว่าวิธีเปิดล็อคโดยใช้ลวดเขี่ยนั้นเค้าทำกันยั งไง อีกทั้งเป็นเวลาดึกดื่น
(ความจริงใกล้สว่างแล้วต่างหาก)ไม่รู้ว่าจะไปหาช่างก ุญแจได้ที่ไหน ด้วยความโมโห (สงสัยจะเมามากกว่า)
จึงตัดสินใจทุบกระจกมันซะเลย เพื่อนเห็นว่ากระจกหน้ามันบานโตราคาคงจะแพง ก็เลยหันมาทุบกระจกข้างแทน
(รถไม่มีกระจกหูช้าง) ผลปรากฏว่าอีตอนจะหาซื้อกระจกบานข้างใส่ปรากฏว่าหาซื ้อลำบากมาก
แถมราคายังแพงกว่ากระจกหน้าอีก ตัวกระจกหน้ามีของเก่าญี่ปุ่นราคาไม่กี่ร้อย หรือเล่นของใหม่แค่พันนิด ๆ
ส่วนกระจกข้างของเก่าไม่มี ส่วนของใหม่ร่วมสองพัน เพราะกระจกข้างเป็นแบบไม่มีขอบ
ตัวแผ่นกระจกต้องแข็งแรงเป็นพิเศษ ต่างกับกระจกหน้าที่มีจุดยึดโดยรอบสามารถยึดและรองรั บกระจกได้เต็มที่
งานนี้แทนที่จะเล่นของถูก กลับกลายเป็นว่าเจอของแพง แถมยังหาลำบากอีกต่างหาก

ประเภทของกระจก
คราวนี้เรามาทำความรู้จักกับเจ้ากระจกบังลมหน้า อย่าไปใส่ใจกับเรื่องของคนขี้เมา ขี้โมโห แถมขี้ลืมดีกว่า
ตัวกระจกหน้านั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 3 ชนิดด้วยกันแต่ละอย่างมีคุณภาพและคุณสมบัติแตกต่างกั น

กระจก Tempered
โดยทั่วไปที่ใช้ทำกระจกบังลมหน้าจะมีความหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร หรือรถบางรุ่นที่มีเจตนาลดเสียงลมปะทะ
และเสียงก้องของกระจกหน้า ก็อาจมีการใช้กระจกหนาขึ้นกว่านี้อีกเล็กน้อย
กระจกแบบ Tempered จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

Zone-Tempered
คุณสมบัติของกระจกประเภทนี้ คือ เวลาเกิดเรื่องทำให้กระจกหน้าแตกขึ้นมา
ตรงไหนก็แล้วแต่ มันจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลามไปทั้งบาน โดยมีลักษณะการแตกแบ่งเป็นบริเวณต่างกัน
แถวตอนล่าง แถวตอนกลางกระจกจะแตกเป็นผลึกหรือเม็ดโตหน่อยพอจะอาศ ัยมองเส้นทางได้บ้าง
แม้จะไม่ชัดเจนนัก ส่วนบริเวณแถวขอบกระจกจะแตกออกเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดย่อม
เค้ามักนิยมใช้กระจกประเภทนี้ทำเป็นกระจกบังลมหน้า

Full-Tempered
มีคุณสมบัติเช่นเดียวกัน คือ เวลาแตกมันจะลามไปทั้งบาน
โดยมีความแตกต่างกันตรงเวลาแตกแล้วจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ทั่วทั้งแผ่น ซึ่งเค้าจะออกแบบมาไม่ให้เม็ดกระจก
เหล่านี้มีความแหลมคม เพื่อไม่สร้างอันตรายต่อผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม ไม่ควรประมาท
เพราะถึงมันจะไม่แหลมก็จริง แต่ในเรื่องความคมยังพอจะบาดได้เหมือนกันในบางเหลี่ย มมุม

กระจกแบบ Laminateกระจกนิรภัยแบบ Laminated นี้ ทั่วไปแล้วจะมีความหนาประมาณ 6 มิลลิเมตร
(กระจกกันกระสุดนั้นไม่เกี่ยว) หนากว่าพวกกระจกแบบ Tempered นิดหน่อย
กระจกแบบ Laminated ได้รับการพัฒนามาจากกระจกแบบ Tempered มีกระบวนการผลิตที่
ยุ่งยากซับซ้อนกว่า โดยการรีดกระจกออกมาเป็นแผ่นบางๆแล้วจับเอามาประกบกั น ซึ่งมีแผ่นฟิล์มใสทำจากไวนิล
นอกจากนี้ยามที่เกิดอุบัติเหตุ กระจกจะแตกร้าวเป็นเส้นเฉพาะบริเวณที่เกิดเรื่องเท่า นั้น
ไม่ร้าวฉานไปทั้งแผ่นแบบกระจก Tempered รวมทั้งจุดที่กระจกแตกยังสามารถป้องกันลมและฝนไม่ให้
ซึมเข้ามาภายในได้ จึงยังสามารถใช้งานและขับขี่ต่อไปได้อย่างสบาย โดยทั่วไปกระจกแบบ Laminated
จะมีอายุการใช้งานได้ทนทานและยาวนาน อย่างไรก็ตามมันก็มีการเสื่อมหรือเริ่มหมดอายุเหมือน กัน
ซึ่งจะมีลักษณะเป็นฝ้าตามขอบและมุมกระจก ที่ช่างสมัยก่อนเค้าเรียกว่า “ลมเข้า” นั่นแหละ
คราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากระจกที่ติดรถเรามานั้น เป็นกระจกชนิดใด โดยไม่ต้องรอให้มันแตกซะก่อน
โดยทั่วไปเค้าจะพิมพ์ประเภทของกระจกติดเอาไว้แถวมุมก ระจก ถ้าไม่มีให้สังเกตได้จากเงาสะท้อนของกระจก
พวกกระจกแบบ Tempered หลังจากทำความสะอาด จะพบว่ามีลายสะท้อนออกสีเหลือบฟ้าแนวตั้งให้เห็น
ถ้ามีลายแบบนี้แสดงว่าเป็นกระจกแบบ Tempered แน่นอน
อยู่ดี ๆ กระจกก็แตกเฉยเลย…!!??
มักจะเจอะเจอกันบ่อย ๆ ว่าขับรถอยู่ดี ๆ กระจกก็เกิดการแตกขึ้นมาเฉยเลย ส่วนใหญ่มักจะโทษว่า
มาจากอุณหภูมิที่แตกต่างระหว่างภายในรถที่เปิดแอร์ กับอุณหภูมิอันร้อนมหากาฬของภายนอก หรือบ้างก็ว่า
เป็นเพราะจอดรถทิ้งไว้กลางแดดจนกระจกรถร้อนจัด แล้วรีบเปิดแอร์ทำให้กระจกเย็น หรือ
หดตัวอย่างรวดเร็วกระจกร้อน ๆ มาเจอความเย็นก็เลยแตก

ตัวการที่แท้จริงคงไม่ใช่เรื่องของความร้อนหรือการจอ ดรถ ตลอดจนการขับรถท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด
มิฉะนั้นไปเปิดร้านขายกระจกแถวประเทศถิ่นทะเลทรายคงร วยไปแล้ว
เพราะแถบนั้นบางประเทศร้อนยิ่งกว่าบ้านเราซะอีกแถมเว ลากลางคืนอากาศก็เย็นจัดอีกต่างหาก
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่มีความแตกต่างกันมาก เรื่องเหล่านี้บริษัทผู้ผลิตกระจกเค้าได้คำนึงมาเป็น อย่างดี
มีการออกแบบให้กระจกตลอดจนชิ้นส่วนต่าง ๆ สามารถทนต่อความร้อนจากแสงแดดได้
เพราะเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอกันอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องของการขยายตัวตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของรู ปทรง
เมื่อได้รับความร้อน ด้วยเหตุนี้เจ้าความร้อนจึงไม่ใช่ตัวการหลักที่จะทำใ ห้กระจกแตก
เพียงแต่ความร้อนจะเป็นตัวการส่งเสริมให้กระจกแตกได้ ต่างหาก เช่นเดียวกันกับสะพานที่ตามปกติสามารถรอง
รับน้ำหนักคนข้ามได้สบาย ต่อให้ควบพ่อ “บุญเลิศ” ห้อตะบึงผ่านไปลุยสะพานก็ยังเฉย
แต่ถ้าสะพานชำรุดเสียหายอยู่แล้ว แค่ตัวเด็กเล็ก ๆ เดินผ่านสะพานก็พัง
แบบนี้เราจะว่าเด็กเป็นตัวการที่ทำให้สะพานพังได้หรื อเปล่าล่ะ…??!!
โครงสร้างรถมีปัญหา
รถบางรุ่นบางยี่ห้อ อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโครงสร้างจากการประกอ บที่ยังไม่เนี้ยบพอ
ทำให้มีการบิดอยู่เล็กน้อย ลำพังการใช้งานตามปกติก็ไม่มีปัญหาอันใด
แต่เมื่อตัวรถมีการบิดตัวหรือเกิดการกระแทกแรง ๆ อย่างเช่น การเลี้ยวโค้ง หรือกระแทกกับคอสะพาน
ก็อาจจะทำให้กระจกแตกได้ จนกระทั่งรถบางรุ่นถึงกับบอกว่า “ถ้ากระจกไม่แตกไม่ใช่ของแท้” ก็มี
หรือบางครั้งเป็นรถยอดนิยมขายดีจนประกอบไม่ทัน บริษัททำกระจกต้องเร่งผลิตเพื่อให้ทันกับการประกอบ
คุณภาพอาจจะด้อยไปบ้าง หรือเป็นด้วยความรีบ กระจกบางบานอาจจะไม่ได้สเป็คแต่คลาดเคลื่อนนิดหน่อย
ก็มีการหยวน ๆ กันบ้าง บางครั้งจึงเกิดปัญหากระจกแตกได้ (ง่าย)
กระจกเป็นโรคเครียด
เรื่องนี้มักเกิดขึ้นโดยผู้ขับขี่ไม่ทราบ คือ กระจกบังลมหน้าได้รับความเครียด
จนกระทั่งทำลายความแข็งแรงของกระจกให้หมดไป ซึ่งความเครียดนี้มันไม่สามารถมองเห็นกันได้
ไม่มีร่องรอยบ่งบอกปรากฏไว้ จะมารู้ก็ต่อเมื่อกระจกระเบิดซะแล้ว
สำหรับตัวสร้างความเครียดมักเกิดขึ้นจากการกระทบกับว ัสดุขนาดเล็ก พวกเศษหินที่ดีดมาจากรถคันหน้าหรือ
รถที่วิ่งสวนทาง ขณะที่ก้อนหินกระเด็นมาโดนกระจก ถ้าเป็นมุมตรงก็หนักหน่อยแรงกระทบจะมีมาก
ทำให้เกิดเป็นรอยร้าวเล็ก ๆ ขึ้นในเนื้อกระจกแต่มันจะมีขนาดเล็กมากจนกระทั่งมองด ้วยตาเปล่าไม่เห็น
หรือถ้าเป็นก้อนหินขนาดเขื่องซักหน่อยก็จะเกิดเป็นรอ ยกะเทาะเล็ก ๆ บางคนยังเข้าใจว่ากระจกรถตัวเองแข็งแรง
เจอก้อนหินเข้าไปยังเฉย โดยหารู้ไม่ว่าตัวก่อเรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว เช่นเดียวกันกับก้อนหินขนาดเล็กที่กระเด็นมาถูก
กระจกในมุมเฉียง ก็สามารถเกิดรอยกระเทาะเล็ก ๆ และสร้างความเครียดให้กับกระจกได้

เมื่อกระจกได้รับความร้อนจากแสงแดด ทำให้แผ่นกระจกมีการขยายตัว ถ้าเป็นสภาวะปกติมันก็ไม่มีปัญหาอันใด
เพราะการขยายตัวของกระจกทั้งแนวตั้งและแนวนอน เป็นไปอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น
ตามที่มีการคำนวณเอาไว้แล้วแต่ในกรณีที่กระจกมีรอยร้ าว หรือรอยกะเทาะเกิดขึ้น
การขยายตัวก็จะต่างกันทำให้ไม่สม่ำเสมอเท่าเทียมกัน และเป็นตัวการที่ทำให้กระจกแตก
เปลี่ยนกระจกใหม่
โดยทั่วไปการเปลี่ยนกระจกใหม่ ทางบริษัทรถมักไม่ค่อยมีปัญหา เพราะกระจกที่นำมาเปลี่ยนนั้นได้มาตรฐาน
การวัดขนาดและตรวจสอบด้วยเครื่องโมลด์ เกจ มาแล้ว รวมทั้งกลวิธีและอุปกรณ์ในการเปลี่ยนก็ได้มาตรฐาน
แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกศูนย์จะเจ๋งเสมอไป ประเภทเปลี่ยนกระจกแล้ว “ขาเปียก”ตอนฝนตก จากการรั่วซึม
ของกระจกก็ยังมีให้เจอได้บ้างเหมือนกัน มีหลายท่านไม่นิยมเปลี่ยนกระจกกับทางศูนย์ เพราะราคาค่อนข้างแพง
ก็เลยหันไปเล่นของถูกจากร้านกระจกทั่วไป ซึ่งมีเรื่องหลายอย่างที่ต้องใส่ใจ
มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหากระจกแตกหรือเกิดการรั่วซึมในภา ยหลังได้
รูปแบบของการติดตั้ง
การยึดกระจกเข้ากับตัวรถนั้นมีหลายแบบ เช่น แบบใช้ยางขอบกระจกหรือแบบใช้กาวหยอดแล้ววางประกบลงไป
พวกรถที่ใช้ยางขอบกระจกควรจะเปลี่ยนยางของกระจกทุกคร ั้งที่มีการเปลี่ยนกระจก
ทั้งนี้เพราะยางที่ผ่านการใช้งานไปเมื่อมีการถอดออกม าแล้วใส่เข้าไปใหม่
อาจเกิดการยืดตัวหรือไม่เข้ากับรอยเดิมได้สนิท มักจะทำให้เกิดการรั่วซึม

ส่วนประเภทที่ใช้กาวหยอดยึดเอาไว้ ก็ต้องมีการขูดเอากาวเดิมออกให้หมด พร้อมทำความสะอาดรวมทั้งเทคนิค
ในการติดตั้งก็ต้องมีเยอะด้วย ไม่ว่าจะเป็นชนิด ปริมาณ และตำแหน่งของกาวที่ใช้ ระยะเวลาที่รอให้กาวเซ็ตตัว
การเว้นช่องว่างของขอบกระจกการวางตำแหน่งกระจกไม่ได้ ฉาก ฯลฯ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้
กระจกมาตรฐานต่ำ
กระจกรถมีทำขึ้นมามากมายหลายบริษัท บางแห่งก็ได้เรื่อง บางทีก็ไม่ค่อยได้ความ ตั้งแต่คุณภาพของเนื้อกระจก
ไม่ว่าจะเป็นความใสหรือการหลอกตา ขนาดของกระจกไม่ได้มาตรฐาน ทั้งความกว้าง ความยาวและความหนาด้วย
บางทีเป็นของคัดเกรดทิ้งมาจากบริษัทรถ ซึ่งไม่ได้สเป็คตามที่กำหนดแล้วคนผลิตเสียดายไม่อยาก ทุบทิ้ง
เลยนำออกมาจำหน่ายในราคาถูก ถ้าผิดสเป็คเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามากนักมันก็มีปัญหาได้
โครงสร้างตัวถัง
พวกรถที่มีอุบัติเหตุอาจได้รับการซ่อมแซมมาไม่ดีเท่า ที่ควร โครงสร้างมีการบิดตัว
แบบนี้ก็มีปัญหากับการเปลี่ยนกระจก ถ้าพบว่ารถเคยมีอุบัติเหตุแม้จะไม่เกี่ยวกับโครงหลัง คาและกระจกแตกเป็น
ประจำ หรือเกิดการรั่ว อาจมีปัญหากับโครงสร้างตัวรถซึ่งเกิดการบิดตัว อันเป็นผลกระทบจากการชนมานั่นเอง

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

ความรู้เกี่ยวกับ SPRING โดยทั่วไป

ค่า k ของสปริงรถยนต์คือค่าความแข็งของ ขดสปริงรถยนต์หรือคอลย์สปริง ที่ใช้ในระบบรองรับ

น้ำหนักรถยนต์

สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ เมื่อทำการออกแบบระบบรองรับน้ำหนักรถยนต์ วิศวกรจะต้องกำหนดค่า k

ของคอลย์สปริงให้เหมาะสมกับการใช้งานและน้ำหนักของรถ ยนต์ เพื่อให้ได้สมรรถนะการขับขี่และยึด

เกาะถนนที่ดี รวมถึงการทรงตัว และความนุ่มนวลในการขับขี่ โดยสอดคล้องกับการใช้งานจริง

รถยนต์ในแต่ละยี่ห้อจะมีค่า k ที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้ในรถบางรุ่นที่ใช้ตัวถังเดียวกัน แต่ต้อง

ดูว่ามีอะไรแตกต่างกันบ้าง เช่น ขนาดของเครื่องยนต์ ตำแหน่งการจัดวางเครื่อง การออกแบบระบบขับ

เคลื่อน ระบบกันสะเทือน น้ำหนักรถยนต์รวมทั้งความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุ กขณะใช้งาน

ค่า k ของสปริงแข็ง เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้ความเร็วสูง จะช่วยให้ยึดเกาะถนนทรงตัวดี แต่หากใช้กับ

การใช้งานทั่วไปที่ความเร็วต่ำจะขาดความนุ่มนวลไปบ้า ง แต่ก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นประกอบ

ค่า k ของสปริงอ่อน เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานในความเร็วต่ำๆ ซึ่งจะให้ความนุ่มนวลในการขับ

ขี่ แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงๆ จะทำใหรถมีอาการโยนตัวหรือโคลงได้

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า หลายคนเมื่อซื้อรถยนต์ใหม่ก็อยากที่จะไปตกแต่งระบบกั นสะเทือนใหม่ โดย

ใช้วิธีเปลี่ยนล้อ เพิ่มขนาดล้อ ดัดแปลงคอลย์สปริงด้วยการตัดหรือเปลี่ยนใหม่ แม้กระทั่งยกชุดเปลี่ยน

โช้คอัพใหม่ทั้ง 4 ตัว ตามร้านประดับยนต์ทั่วไป

ดังนั้น หากผู้ใช้รถมีความประสงค์ที่จะดัดแปลงระบบช่วงล่างให ้แตกต่างจากโรงงานกำหนด ควร

คำนึงถึงค่า k ว่าเหมาะสมกับการใช้งานจริงหรือไม่ หรือสอบถามผู้ที่ชำนาญก่อนตัดสินใจ

ค่า K ที่พูดกันมันก็คือ Sping Rate ซึ่งค่านี้จะมีผลกับความนุ่มนวลของช่วงล่างโดยตรง

Sping rate (k) คือค่าความแข็ง-อ่อนคงที่ของสปริงที่จะยุบตัวเป็นส่วนตามน้ำหนักที่

กดทับ โดยทั่วไปของญี่ปุ่น จะใช้หน่วยเป็น Kg/mm. กิโลกรัม/มม.

ซึ่งบ้านเราจะคุ้นเคยกับหน่วย Kg/mm. มากกว่า แต่ก็มีบ้างที่ใช้หน่วยเป็น N/mm. และ lbf/in…

โดย 1Kg/mm. จะเท่ากับ 56 lbs/in และ 9.86 N/mm. นั่งเอง

ยกตัวอย่าง

คอยล์สปริงของรถรุ่นเดียวกัน แต่ค่า k ต่างกัน คือ

ตัวแรกอยู่ที่ 8Kg/mm.

ตัวที่สองอยู่ที่ 12 Kg/mm.

เท่ากับว่า สปริงตัวแรกจะยุดตัวลง 1มม. เมื่อมีน้ำหนัก ขนาด 8 กก. มากดทับ ในขณะที่ตัวที่สอง ต้อง

ใช้น้ำหนักถึง 12 กก. สปริงจึงจะยุบตัวลง 1 มม.

ซึ่งนั่นเท่ากับว่าสปริงตัวที่ 2 แข็งกว่าสปริงตัวแรกนั่นเอง

1 หุน = 1/8 นิ้ว
2 หุน = 1/4 นิ้ว
3 หุน = 3/8 นิ้ว
4 หุน = 1/2 นิ้ว
5 หุน = 5/8 นิ้ว
6 หุน = 3/4 นิ้ว
7 หุน = 7/๘8 นิ้ว
8 หุน = 1 นิ้ว
1/2 หุน = 1/16 นิ้ว

1 นิ้ว = 25.4 mm. = 8 หุน
1 cm = 10 mm.

มีข้อวิเคราะห์คร่าวๆ ได้ด้วยตาเปล่าครับ

1.ความโตของสปริง ที่ยิ่งข้อใหญ่ก็จะยิ่งแข็งนั่นเอง

2.เส้นผ่าศูนย์กลางของคอยล์สปริง หากได้โดยเอาเส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอกของคอยล์สปริง “ลบ”

ด้วยความโตของเส้นสปริง (หน่วยเป็น มม.) ก็จะได้ตัวเลขของ

เส้นผ่านศูนย์กลางของคอยล์สปริงนั่นเอง ซึ่งถ้าตัวเลขของเส้นผ่านศูนย์กลางยิ่งมาก (วงกว้างขึ้น) ค่า

k ก็จะยิ่งลดลง

3.จำนวน และรูปแบบของขดสปริง สปริงที่มีจำนวนขดน้อยกว่า จะมีค่าความแข็งสูงกว่า แต่ก็ยังมีตัว

แปรในส่วนของรูปแบบของขดสปริงเกี่ยวข้องอีก โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 แบบ

3.1 Linear spring ก็คือ สปริงที่มีระยะห่างระหว่างขดเท่ากันโดนตลอดทั้งชิ้น สมมติว่าสปริงแต่ละ

ขดห่างกัน 15 มม. มันก็จะห่างเท่ากันยังงั้นตลอดทั้งเส้น ซึ่งค่า k ของสปริงแบบนี้จะเป็นค่าเดียว

3.2 step spring สปริงแบบนี้จะมีระยะห่างแต่ละขด แบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ มีทั้งขดถี่และห่าง ใน

วงเดียวกัน เช่น 15 กับ 30 มม. เท่ากับว่ามีค่า k 2 ระดับในคอยล์สปริงขดเดียว คือ เมื่อมีน้ำหนักมา

กดทับที่ตัวสปริง ขอที่ถี่จะยุบตัวก่อน(ค่า k น้อย) จนเมื่อน้ำหนักมากขึ้น ขดสปริงที่ห่าง (ค่า k สูงก

ว่า) ก็จะเข้ามารับผิดชอบต่อ เป็นการผสานซึ่งความลงตัวของความนุ่มนวลในขณะคลานและ มั่นคงใน

การขับขี่ยามกระหน่ำคันเร่งหนักๆ ได้อย่างดี

3.3 Progressive Sping แบบนี้จะมีระยะห่างระหว่างขดไม่เท่ากันเลย คือ จะชิด แล้วค่อยๆเพิ่ม

ระยะความห่างไปเรื่อยๆ ค่า k ของสปริงแต่ละขดก็จะไม่เท่ากันด้วย เท่ากับว่าสปริงแบบ

Progressive จะนำเสนอตั้งแต่แรงกดน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่องไปจนถึงค่า k สูงสุดเลยที

เดียว

การเลือกใช้สปริงแต่งที่ตรงกับรูปแบบการใช้งานนั้น นอกจากจะทำให้เกิดตัวรถเตี้ยลงแบบพอดีๆ

แล้ว (ใช้งานไม่ลำบาก) ยังช่วยให้การทรงตัวของรถดีขึ้น ควบคุมได้ง่าย และนิ่งกว่า แต่ก็ต้องยอม

รับกับความแข็ง และความหนืดที่เพิ่มขึ้นมา เนื่องจากระยะการทำงานของตัวช็อค และสปริงน้อยลง

ค่าความแข็งของสปริงก็ต้องเพิ่มขึ้นเพื่อกันไม่ให้ล้ อ และซุ้มล้อมาชนกัน เพราะฉะนั้นจะให้นุ่มสบาย

เหมือนของเดิมติดรถคงจะไม่ได้.. อยู่ที่คุณแล้วหล่ะว่าจะเลือกแบบ …นุ่มนวล หรือ นิ่งหนึบ

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

กราวน์ไวร์ Ground Wire


กราวน์ไวร์ Ground Wire

เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมกันมากในรถแข่ง แต่ที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นเพราะส่วนใหญ่เขาจะไม่ใช้ส ีสันใช้เป็นสายสีดำจนเรามองผ่านๆ
เป็นส่วนช่วยให้ไฟฟ้ากระแสลบเดินครบวงจรมากขึ้นกว่าก ารใช้ตัวถังรถเป็นส่วนนำไฟฟ้าแบบโรงงานระบบสายกราวด์ คือการต่อสายไฟ 8 มม หรือ 10 มม.โดยตรงเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องเครื่องยนต์ เช่น ฝาสูบ ระบบหัวฉีด ระบบไฟส่องสว่าง ไดชาร์จ เสื้อเกียร์ และตัวถัง เพื่อให้การทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ต้องรอไฟป้อนกลับแบตเตอรี่ เพียงเส้นเดียวจาก
โรงงาน

หลังจากเดินสายกราวด์แล้ว จะทำให้ เครื่องยนต์เดินเรียบ อัตราเร่งดีขึ้นการตอบสนองของเกียร์ราบเรียบ ไฟหน้าสว่างขึ้น แอร์เย็นเร็ว และการต่อของคอมแอร์ จะใช้เวลาสั้นกว่า ทำให้อัตราการกินน้ำมันน้อยลง เนื่องจากคอมแอร์ไม่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง และนอกจากนี้ จะให้เสียงเบสของเครื่องเสียงทุ้มหนักแน่นกว่าเดิม แม้ท่านจะไม่ได้เปลี่ยนเครื่องเสียงก็ตาม

:: แล้วมันช่วยอะไรได้บ้าง
จากการสัมภาษณ์ผู้ที่ติดตั้งร้อยละเก้าสิบให้ความคิด เห็นว่า อัตราเร่งดีขึ้น เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้นมีแนวโน้มประหยัดน้ำมันมากข ึ้นแต่ไม่กินมากไปกว่าเดิมแน่ ( ยกเว้นแต่จะกระทืบคันเร่งมากกว่าเดิม )
สตาร์ทง่ายขึ้น เสียงดังของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ปั้มติ๊ก พัดลมแอร์ เสียงกวนวิทยุลดลง และอีกมากมายมีแต่จะดีขึ้น
มิน่าล่ะนักแต่งรถอเมริกาและญี่ปุ่นถึงนิยมกันนัก อย่างนี้ต้องรีบหามาติดตั้งบ้าง แต่พอไปเจอราคา
แล้วแทบจะเปลี่ยนใจ เพราะราคามีตั้งแต่ 2,000 ไปจนถึง 8,000 บาท ยิ่งเป็นของสำนักแต่งแรงๆกลับยิ่งแพงมากหน้าตาก็เหมื อนๆ คุณสมบัติใกล้เคียงกัน เก็บสตางค์ไว้เติมน้ำมันดีกว่า
:: รู้จักประโยชน์ และ จุดที่จะติดตั้ง
ก่อนที่เราจะติดตั้งคุณต้องรู้ก่อนว่าจะติดตั้งที่ไห นเพราะอะไรจึงจะมีประโยชน์สูงสุด

1. แบตเตอร์รี่ ที่ขั้วลบเป็นหัวใจหลักของงานเป็นตัวที่เราจะดึงกระแ สไฟฟ้า ไปใช้ในส่วนต่างๆ ของ เครื่องยนต์ และในรถนต์

2. ขั้วดินของไดชารจ์ ไดชารจ์เป็นตัวสร้างกระแสไฟไปเก็บสะสมไว้ที่แบตเตอร์ รี่ ถ้าไฟชารจ์เข้า แบตเตอร์ร ี่ได้ไวขึ้นไดชารจ์จะตัดการทำงานเป็นการลดภาระของเคร ื่องยนต์ มีส่วนให้ประหยัดน้ำมัน ได้มากขึ้น

3. ขั้วกราวน์ของกล่องคอมพิวเตอร์ เป็นศูนย์รวมของกระแสลบที่จะต่อเข้าเซนเซอร์ต่างๆ เช่น กล่องควบคุมเครื่องยนต์ , หัวฉีด , คอยล์ , จานจ่าย ,ปั้มน้ำมัน,เซนเซอร์เครื่องยนต์ ฯลฯ ส่วนใหญ่ ่ทุกเครื่องยนต์จะมีสายรวมกราว์นที่ออกมาจากกล่องคอม พิวเตอร์ เป็นชุดสายไฟยึดลงกราวน์รวมไว้ที่เครื่องโดยอาศัยโลห ะตัวเครื่องเป็นตัวส่งกระแสไฟแต่ตัวเครื่องยนต์นั้นป ระกอบด้วยโลหะหลายชนิด รวมกันทำให้เกิดความต้านทาน ดังนั้นการต่อไฟตรงจะทำให้กล่องและเซนเซอร์ต่างๆ ควบคุมทำงาน ได้เต็มที่ เครื่องยนต์เดินราบเรียบขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น

4. สายกราวน์รวมของตัวถังรถยนต์ สังเกตว่าโรงงานจะอาศัยตัวถังรถยนต์ที่เป็นเหล็กเป็น ส่วนนไฟฟ้า แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ จะมีความต้านทานมากสูญเสียพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นจึงควรมองหาสายดินรวมของตัวถังรถยนต์ ส่วนใหญ่แล้วมักต้องไล่ดูจากชุดสายไฟ จะทำให้ระบบไฟต่างๆ ในรถยนต์ทำงานดีขึ้น เช่นไฟหน้าสว่างขึ้น พัดลมไฟฟ้าทำงานแรงขึ้น และอีกมาก

5. สายดินของเครื่องยนต์ แถวๆไดสตาร์ทจะทำให้รถสตาร์ทติดได้ง่ายขึ้น

6. อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ปั้มน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องเสียง เพาเวอร์แอมป์ ที่เพิ่มเข้าไปจะทำให้ทุกอย่าง ทำงานได้้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เครดิต

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีรีเซ็ตเกียร์ CVT ของ ฮอนด้า

วิธีรีเช็ตเกียร์ CVT ของ ฮอนด้า

เคยรู้สึกไหมครับว่าทำไมเหยียบคันเร่งแล้ว รถมันไม่พุ่งไปได้ดั่งใจ ออกตัวตอนไฟแดงตามตุ๊กตุ๊กไม่ทัน จะเร่งแซงทีลุ้นกันตัวโกง

สาเหตุมันเกิดจากความฉลาดของระบบเกียร์CVT(มันฉลาดไป หน่อย555)

ปรกติถ้าเราขับรถอยู่บนถนนในกรุงเทพหรือที่ๆมีการจรา จรคับคั่ง เดี๋ยวเร่ง เดี๋ยวเบรค เดี๋ยวจอด ไม่มีโอกาสได้ใช้ความเร็ว

ไอ้เจ้าเกียร์CVT มันก็จำลักษณะการขับขี่ของเราเอาไว้

ครั้นพอถึงเวลาที่เราต้องการเรียกฝูงม้าที่หลับไหลมา นาน ให้ตื่นขึ้นมาทำงาน ออกกำลังซะหน่อย มันกลับกลายเป็นม้าขี้เซาไปซะงั้น

ถ้าอยากให้ม้าในของของท่าน กลับมาคึกคัก กระฉับกระเฉงเป็นม้าแข่ง ม้าศึกล่ะก็…..ตามนี้เลยครับ

RESET CVT MEMORY
1) สตาร์ทรถ รอจนอุณหภูมิรถปกติ (ไฟ Cold Temp ดับ)
2) ห้ามเปิดแอร์ วิทยุ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ
3) ดึงเบรกมือขึ้น (ดึงเบรกมือค้างไว้จนจบกระบวนการ)
4) เหยียบเบรก (เหยียบค้างไว้)
5) เลื่อนเกียร์ไปยังตำแหน่ง “N” ทิ้งไว้ที่ตำแหน่งนี้ 2 นาที
6) หลังจากผ่านไป 2 นาที ให้เลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่ง “D” 1 นาที
7) จบกระบวนการ

เพียงเท่านี้ ฝูงม้าขนาดย่อมๆในรถของท่านก็จะกลับมากระปรี้กระเปร่ าเหมือนเดิม…..

ถ้ามีการถอดขั้วแบตเตอร์รี่เมื่อไหร่…..ตามนี้เลยค รับ

RE-CALIBRATE CVT GEARBOX (IF CHANGE BATTERY)
1) สตาร์ทรถ รอจนอุณหภูมิรถปกติ (ไฟ Cold Temp ดับ)
2) บิดกุญแจดับเครื่อง แล้วสตาร์ทรถอีกครั้ง
3) เปิดไฟหน้ารถ
4) เลื่อนเกียร์ไปยังตำแหน่ง “N” แล้วเหยียบเบรก
5) เลื่อนเกียร์ไปยังตำแหน่ง “N” “D” “S” “L” “S” “D” และกลับมา “N” ตามลำดับ
6) ทำซ้ำขั้นตอนที่ 5) อีก 3 ครั้ง โดยให้จังหวะในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งอยู่ที่ 1-2 วินาที
7) จบกระบวนการ

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

กลเม็ดของความแรงที่ไม่ควรมองข้าม

กลเม็ดของความแรงที่ไม่ควรมองข้าม

ขอบคุนข้อมูลจากจูนสปีดครับ
PORT MATCHING
โดยปกติแล้วก็ไม่ค่อยจะมีใครโชคดีนักที่เจ้าเครื่องย นต์เดิมๆ ที่มีอยู่นั้นจะมีท่อร่วมไอดี และท่อร่วมไอเสียที่สมบูรณ์แบบเหมาะสมกับช่อง พอร์ท ของฝาสูบกันมาอย่างลงตัว ซึ่งถ้าเราต้องการจะเพิ่มแรงม้าขึ้นมาอีกซักเล็กน้อย ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่จัดการกับท่อร่วมเหล่านี้กันใหม่รวมไปถึงแผ่ นปะเก็นที่ต่อกับช่อง พอร์ท ก็พอจะช่วยเพิ่มความแรงขึ้นมาอีกได้ไม่น้อยแล้ว
TRANSMISSION LINE PRESSURE INCREASE
สำหรับลูกเล่นอันนี้ก็เป็นการปรับแต่งในตัวแรงที่ใช้ ชุดเกียร์อัตโนมัติ โดยการจัดการกับการเพิ่มแรงดันในท่อแรงดันของชุดเกีย ร์อัตโนมัติ เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์มีความรุนแรง หนักแน่น และกระชับมากขึ้น ซึ่งก็เหมาะกับการใช้งานในแบบแข่ง Bracket ได้ดีทีเดียว อันนี้หลายคนสนในแน่ๆ
GET THE LEAD OUT
ก็เป็นลูกเล่นอีกอย่างนึงสำหรับบรรดานักแข่ง Drag ในแบบ Bracket หรือว่าบรรดานักแข่มยิมคาน่าทั้งหลาย ซึ่งก็เป็นการลดน้ำหนักตัวรถในแบบเท่าที่จะพอทำกันได ้ เพื่อความได้เปรียบบรรดาคู่แข่ง การลดน้ำหนักที่ว่านี้ก็อย่าง เช่น การเอายางสำรองออก ที่ปัดน้ำฝน หรือไม่ก็กระจกมองข้างเป็นต้น
SPARK IT UP
ระบบไฟจุดระเบิดนับว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกับการทำง านของเครื่องยนต์ ถ้าได้มีการจัดการกับเจ้าหัวเทียนโดยเลือกเบอร์ที่ถู กต้องมาใช้งาน หรือว่าเลือกชนิดของหัวเทียนที่ดีและ เหมาะสมกับตัวเครื่องยนต์ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มกำลังให้ตัวเครื่องได้
CLEAN TERMINALS = HAPPY CHARGING SYSTEM
การทำความสะอาดขั้วไฟแบตเตอรี่ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่น้ อย การที่ขั้วไฟสกปรกก็มีส่วนทำให้กระแสไฟจ่ายไปใช้งานไ ด้ไม่สะดวก ซึ่งก็ส่งผลให้การทำงานของเครื่องยนต์ไม่เต็มประสิทธ ิภาพได้ ควรทำความสะอาดขั้วไฟแบตเตอรี่เอาไว้เสมอไม่น่าละเลย
REPLACE WORN IGNITION WIRES
สายหัวเทียนที่ใช้งานกันจนเก่าแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนกันซะใหม่ไม่ใช่ว่าสีของสายหัวเทียนจา กเดิมเป็นสีฟ้า เล่นใช้งานกันจนสายกลายเป็นสีดำแล้วก็ยังไม่เปลี่ยน แบบนี้รับรองได้ว่าไฟจุดระเบิดจะแย่เอาการทีเดียวครั บ
REDLINE WATER WETTER
หัวเชื้อน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำรุ่นนี้ สามารถช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ ำได้อย่างน่าประหลาดใจ
LOWER TEMP THERMOSTAT
ในอีกจุดนึงของระบบน้ำหล่อเย็นนั่นก็คือเจ้าตัว Thermostat ที่คอยทำหน้าที่เปิดวาวล์น้ำปล่อยให้น้ำเข้าไปหล่อเย ็นขุมพลังเมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด ถ้าเป็นพวกเล่นแรงแล้วควรจะเปลี่ยนมาใช้ Thermostat ที่เปิดวาวล์น้ำในอุณหภูมิต่ำกว่าของโรงงานมาใช้ ก็จะช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี
STAY LUBED
น้ำมันเครื่องที่ใช้ในตัวแรงทั้งหลายควรจะเป็นน้ำมัน เครื่องที่คงคุณภาพที่ดีเอาไว้เสมอ อย่างในพวกรถแข่งส่วนมากแล้วก่อนแข่งก็จะเปลี่ยนน้ำม ันเครื่องใหม่ เมื่อแข่งเสร็จแล้วก็จะถ่ายทิ้งรอใส่ใหม่อีกครั้งในส นามต่อไป เพื่อรักษาความสดใหม่และ สะอาดของน้ำมันเครื่องเอาไว้ สำหรับรถที่ใช้งานกันบนถนนทั่วๆไป เอาซัก 3,000 กม. ถ่ายกันครั้งนึงก็ ใช้ได้แล้วครับ
MORE GROUND
การปรับแต่งตัวแรงในปัจจุบันมักจะมีอุปกรณ์อิเลคโทรน ิคเข้ามาเกี่ยวข้องกันอย่างมากมาย ซึ่งก็ต้องมีการต่อใช้กระแสไฟบวกเข้าไปที่อุปกรณ์เหล ่านั้น มากตามไปด้วย ซึ่งกระแสไฟลบ (Ground) ที่มีมาจากโรงงานอาจไม่เพียงพอทำให้การทำงานของอุปกร ณ์เหล่านั้น ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดการลัดวงจรขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรมีการเพิ่มกระแสไฟลบให้มากขึ้นตามไปด้ว ย
GUTTED AIR BOX
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการดูดอากาศเข้ามาใช้ในตั วเครื่องยนต์ยิ่งมากก็ ยิ่งดีในกรณีถ้าต้องการให้อากาศถูกดูดเข้ามาได้มากขึ ้น แต่ไม่อยากใช้กรองเปลือย การปรับแต่งด้วยการตัดส่วนด้านข้างของกล่องกรองอากาศ ที่ติดรถมา แล้วทำการเปลี่ยนใส้กรองอากาศที่เป็นแบบ Hi Flow ซักหน่อย ก็พอจะช่วยให้ดูดอากาศเข้ามาได้คล่องมากขึ้นอีกไม่น้ อยแล้ว
TEST PIPE
หัวข้อนี้ก็เป็นการปลดปล่อยความแรงเพิ่มออกมาโดยเพีย งแค่ทำการถอดชุด Cat. ออกมา แล้วทำการใส่ท่อกลมโล่งๆ เข้าไปแทน ก็พอจะช่วยให้รถมีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาได้อีกนิด
BIG WIRE, MORE VOLTAGE
เรื่องของระบบไฟของรถก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้รถวิ่งออก หรือไม่ออก ฉะนั้นสายไฟที่ใช้ต่อไปยังตัวอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ก็ควรจะเลือกที่มีขนาดและความเหมาะสมกับอุปกรณ์ตัวนั ้นๆ ด้วย เพื่อกระแสไฟจ่ายไปใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
QUESTIONABLE SPEED WASHERS
ท่านควรจะต้องรู้ถึงขีดจำกัดของตัวเครื่องยนต์ ว่ามีขีดจำกัดสูงสุดอยู่ตรงไหน อาทิเช่นพวกเครื่องยนต์ TURBO ที่สามารถจะปรับบูสท์ให้สูงขึ้นจากเดิมๆ ที่มีมาจากโรงงานได้นั้น ถ้าหากว่าเราไม่รู้ Limit. ว่าจะปรับกันได้เต็มที่ขนาดไหน แล้วหล่ะก็คงเป็นเรื่องแน่นอน เพราะอาจจะปรับกันเพลิน ปรับจนมากเกิน ล่อกันจนเครื่องพังกันอย่างที่ไม่ทันตั้งตัวเลยก็ได้
REMOTE EXHAUST VALVE CONTROL
ลูกเล่นนี้เป็นการเล่นแรงกันด้วยตัววาล์วปิด – เปิด ท่อไอเสียนั่นเอง ซึ่งจะเป็นตัวที่ช่วยอั้นไอเสียในรอบต่ำ ไม่ให้ไอเสียระบายออกไปได้เร็ว ช่วยให้มีแรงดันไอเสียไปผลักดันใบ TURBO ให้สร้าง Boost. ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
BIG MOUTH
หลายท่านก็คงเคยผ่านกันมาบ้างแล้วในหัวข้อนี้ ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนขนาดของชุดลิ้นปีกผีเสื้อให้มีข นาดโตกว่าเดิม เพื่อช่วยให้รับเอาอากาศใหลผ่านเข้ามาได้มากขึ้นนั่น เอง อย่างเช่นเครื่อง B 16A มักจะนิยมเอาชุดลิ้นปีกผีเสื้อของ B-18C มาใส่เข้าไปแทน
THROTTLE CABLE
อ้อ…และก็อย่าเพิ่มแรงม้ากันซะจนเต็มเพียบ แต่ทำไมรถมันวิ่งไม่ออกวะ ปัญหาจุดเล็กๆ อย่างไอ้เจ้าสายคันเร่งก็มีส่วนที่จะสร้างปัญหายุงยา กให้ได้เหมือนกัน ดังนั้นควรเช็คให้เรียบร้อยว่าสายคันเร่งมันตึง มันหย่อนยาน ผิดแผกกันไปบ้างหรือเปล่า.
GET A GRIP
ในเรื่องของการปรับแต่งนั้น ระบบเบรคก็เป็นจุดสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามกันไปได้ หนทางในการเลือกเบรคที่จะเปลี่ยนนั้นก็ควร จะเล่นคบหากันกับรุ่นที่ใหญ่กว่า แรงกว่าจากค่ายเดียวกันมาใช้อย่างเช่น CEFIRO A-31 รุ่น 20 DE , 20DET , 25DE ก็ไปเอาชุดเบรคของ 20 DET >> 25 DE , DET หรือข้ามไปเอาของรุ่นพี่ SKYLINE R-32,33 และ R-34 มาใช้งานกันอยางนี้เป็นต้น
OVERLOOKED MAINTENANCE
การดูแลและทำความสะอาดในส่วนของกรองอากาศ รวมไปถึงในส่วนของกรองน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้ง 2 จุดนี้ ช่วยให้การทำงานของเครื่องสามารถทำงานได้อย่างมีประส ิทธิภาพเหมือนกันนะครับ เราไม่ควรจะมองข้ามสิ่งเล็กๆเหล่านี้ไป
NAIL A WICKED HOLE – SHOT
เคล็ดลับความแรงอันนี้ก็เป็นลูกเล่นที่ใช้กันในตัวแข ่ง Drag ในแบบขับหน้าที่ต้องเน้นกันให้มีน้ำหนักของตัวรถกดลง ไปที่ล้อหน้าให้มากที่สุด เพื่อให้แรงที่ออกจากเพลาหน้าถูกกดลงบนแทร็คได้อย่าง เต็มที่ยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีนี้ก็นับว่าเป็นอีกวิธีที่มีส่วนช่วยสร้างอั ตราเร่งให้ทำได้ดีทีเดียว