วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เรื่องของกรอบป้ายทะเบียนรถยนต์

รถยนต์ทุกคันไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน อย่างไรจะต้องมีการขึ้นทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อให้ถูกต้องตามกฏหมายพร้อมมีการติดตั้งทะเบียน ซึ่งป้ายทะเบียนถือว่าเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ดังนั้น ห้ามทำการใดๆ ในการยึดป้ายทะเบียน จะต้องเป็นไปตามที่ได้กำหนดไว้เพียงแต่ว่าจะยึดติดอย่างไรเท่านั้น 

ส่วนใหญ่ในปัจจุบันตามเส้นทางต่างๆ จะพบว่าใช้กรอบป้ายทะเบียนทั้งสิ้น น้อยมากที่จะเห็นว่ามีการเจาะรูพร้อมกับการยึดน๊อต การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่ผิด แต่จะต้องเห็นตัวหนังสือครบทุกตัว และชัดเจนถือว่าใช้ได้ แผ่นป้ายทะเบียนห้ามกระทำการใดๆ ลงไป เช่น สติกเกอร์, ทาสี, เขียนด้วยปากกาและอื่นๆ รวมถึงกรอบป้ายทะเบียนด้วย แต่สำหรับป้ายทะเบียน พิเศษที่เป็นลวดลายที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก ถือว่าไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใดครับ ดังนั้นท่านเจ้าของรถยนต์ควรกระทำตามที่ได้ระบุไว้ มิฉะนั้นอาจถูกเจ้าหน้าที่เรียกจับ-ปรับได้ครับ             

มาถึงในเรื่องของกรอบป้ายทะเบียนกันนะครับ กรอบป้ายทะเบียนมีด้วยกันหลายชนิด หลายประเภท หลายวัสดุแต่ในการนี้จะขอกล่าวถึงการคำนึงการที่จะเลือกใช้ชนิดของกรอบป้ายทะเบียน มาดูสิว่าอย่างไหนน่าใช้กว่ากันและจะเหมาะสมกับรถยนต์มากน้อยแค่ไหน             

กรอบป้ายทะเบียนที่เป็นโครเมี่ยม
กรอบป้ายทะเบียนประเภทนี้มีความเงางามเห็นแล้วเด่นชัด ดูดีมีราคา หรูหรา ทำให้เกิดความสวยงาม การยึดติดเข้ากับตัวรถจะต้องยึดแผ่นตัวรองของกรอบป้ายทะเบียนก่อนแล้วใส่ป้ายทะเบียนเหมือนกรอบป้ายทะเบียนทั่วไป จากนั้นก็ประกบด้วยกรอบป้ายทะเบียนด้านนอกอีกครั้ง บางรุ่นกรอบป้ายทะเบียนโครเมี่ยมเมื่อยึดติดแล้วจะไม่แน่นพอเวลารถวิ่งอาจเกิดเสียงดังแน่นอน การยึดกรอบป้ายด้านนอกด้วยน๊อตตัวเล็กๆ จะมีโอกาศหายได้ง่าย สุดท้ายป้ายทะเบียนก็จะหลุดหายได้อีก สังเกตเห็นได้ตามรถซาเล้งหรือร้านทำป้ายทะเบียนทั่วไปที่เห็นเป็นของแท้อีกด้วย 

อันดับต่อมาในเรื่องของความร้อนหากมีการจอดรถตากแดด จะมีความร้อนที่มากหากร่างกายไปโดนอาจเกิดปัญหาได้นอกจากนั้นความเงางามยังสะท้อนเมื่อยามกระทบกับแสงแดดเข้าหาผู้ร่วมใช้เส้นทางอื่น อย่างนี้ก็มีอันตรายแฝงอยู่ 

ต่อมาวัสดุที่ใช้ทำมีคุณภาพที่ไม่ดีก็จะเกิดสนิมโดยง่ายลักษณะเช่นนี้อาจส่งผลถึงสีรถก็เป็นไปได้อีก อันดับต่อมาอันนี้สำคัญในเรื่องของความปลอดภัย คือ หากมีการล้างรถยนต์ด้วยตนเองมีการฉีดน้ำล้างด้วยโฟมหรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นจะต้องมีการลูบเช็ดรอบคันจังหวะนี้แหละครับ บริเวณกรอบป้ายทะเบียนตามขอบจะมีความคมมาก ขนาดผ้าหรือแม้กระทั่งฟองน้ำยังฉีกขาดเลยไฉนเลยเนื้อมนุษย์จะไม่เสียหาย ตรงนี้ขอให้ระวังให้มากๆ (ว่างๆลองถามพนักงานที่ล้างอัดฉีดดูก็ได้ครับ) ควรมิควรแล้วแต่เจ้าของรถเลือกใช้กันนะครับ 

กรอบป้ายทะเบียนแบบพลาสติก
กรอบป้ายทะเบียนประเภทนี้ มีน้ำหนักที่เบา, ไม่สะท้อนแสง, ไม่เป็นสนิม, บริเวณขอบป้ายแทบจะไม่มีความคมเลย การถอดใส่ป้ายทะเบียนก็ง่าย (รุ่นใหม่จะใช้มือ) และเป็นที่นิยมอย่างมากขณะนี้เรื่องของสีก็มีให้เลือกมากมายเพื่อให้เข้ากับรถยนต์ของท่านได้เป็นอย่างดี (ดูแล้วสวย) หากทำความสะอาดรถ ก็ไม่บาดมือ นั่นก็หมายความว่ามีความปลอดภัยมากขึ้น ทางด้านราคาจำหน่ายก็เหมาะสมซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปเหมือนกับกรอบป้ายทะเบียนทั่วไปครับ        

ดังนั้น การเลือกใช้กรอบป้ายทะเบียนไม่ว่าประเภทไหนขอให้ถูกต้องตามกฎหมายกันนะครับหากไม่ใช้ก็ขอให้ติดตั้งอย่างถูกต้องกันด้วยนะครับ เพื่อสังคมไทยทีดีมีความสุขกันครับผม       


วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กฏเหล็กในการซื้อรถมือสอง



1. สุมดประวัติประจำรถ
มักไม่ค่อยมี เพราะเจ้าของรถไม่พิถีพิถัน แต่ถ้ามีก็ต้องถือว่ายอดเยี่ยม เพราะสมุดประวัติประจำรถทำให้รู้ว่าเขาตรวจซ่อมอะไรมาบ้าง ตรวจทุกระยะประจำหรือเปล่า

2. เจ้าของรถ
คุณควรดูเจ้าของรถคันเดิมว่าเขาเป็นใครใช้รถอย่างไรดูแลรถหรือไม่ มีคนกล่าวว่า ไม่ควรซื้อรถต่อจากวัยรุ่น ผู้หญิง และคนชรา เพราะว่าทั้งสามประเภทนี้ ใช้รถอย่างเดียวไม่ค่อยดูแลรถที่ใช้อยู่

3. มือที่เท่าไหร่
ก็คือรถคันนี้มีคนเป็นเจ้าของมามากน้อยเพียงใด ถ้าผ่านมาแล้วหลายมือก็ควรไม่ซื้อ เพราะรถอาจจะมีปัญหาได้

4. ตัวเลขระยะทางการใช้รถ
ในการซื้อรถคุณควรดูเลขตัวไมล์โดยปกติการใช้รถไม่ควรจะมากกว่าสามหมื่นกิโลเมตรต่อปี หากมากไปกว่านี้ถือว่ามากอาจทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้งานหนัก

5. สภาพภายใน
หมายถีงเบาะนั่ง ระบบไฟฟ้าต่างๆ ต้องใช้ได้ อย่างไรก็ตาม สภาพดีมาก ดีน้อย ย่อมแล้วแต่ผู้ใช้และการดูแลรักษา

6. สภาพภายนอก
ควรดูสภาพตัวถังมีผุพัง สีถลอกปอกเปิก กันชนบุบ ตัวถังงอ ประตูตก บ้างหรือไม่

7. ทำสีมาหรือเปล่า
รถที่ต้องทำสีใหม่ คือ รถที่เก่ามากอายุควรจะเกิน 15 ปีขี้นไป หากทำสีก่อนหน้านั้นก็เท่ากับว่ารถไม่ได้รับการดูแล ในการทดสอบว่าไปทำสีมาหรือเปล่า ก็ลองเคาะเบาๆ ด้วยสันมือ ถ้าเสียงโปร่งก็สีเดิม ถ้าเสียงทึบบ้างโปร่งบ้าง ก็ทำบางส่วน ถ้าทึบหมดก็ทำทั้งคันรถทำสีใหม่สีจะไม่ทน อาจซีด หรือด้านหรือโปร่ง ภายในสองสามปีเป็นอย่างมาก

8. ประวัติรถ
หากสามารถรู้ประวัติการใช้รถของเจ้าของเดิมมาบ้างก็จะดี เพราะจะได้รู้ว่าเจ้าของรถคนเก่าเคยนำรถไปใช้อย่างไร เช่น ไปชนคนตายมาก่อนหรือเปล่า เคยนำรถไปใช้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือเปล่า เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนน่ากลัวหรือเปล่า ส่งเหล่านี้เราต้องสืบหาเอาเอง

9. ซื้อรถจากเจ้าของดีกว่าซื้อจากเต้นท์รถหรือพ่อค้าคนกลาง
ถ้าซื้อรถจากพ่อคนกลาง พ่อค้าคนกลางอาจโอนเป็นชื่อของตนเองหรือโอนลอยไว้ พวกนี้จะเอาของดีๆ ออกจากตัวรถก่อนจะขาย ก็ได้ เช่น เครื่องเสียง อุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์ประกอบรถอื่นๆ ที่พอจะนำไปขายแยกได้ ส่วนเต๊นท์รถนั้นก็คือพ่อค้าคนกลางเหมือนกันแต่เจ้าเล่ห์มากกว่า และมักจะขายราคาแพงกว่าท้องตลาดประมาณ 25,000-50,000 บาทต่อคัน เวลาจะซื้อรถคุณควรดูให้มั่นใจเสียก่อน ก่อนจะตัดสินใจซื้อ

10. หากซื้อรถจากเต้นท์จะต้องนำรถออกทันที
คุณอย่าไปวางเงินแล้ววางใจ ไม่อย่างนั้น เครื่องเสียง ล้อแม็กซ์ ยาง เครื่องยนต์ และอื่น ของคุณอาจจะถูกเปลี่ยนไป โดยที่คุณเองก็อาจทำอะไรก็ไม่ได้

11. ต้องรีบโอนรถให้เรียบร้อย
ถ้าคุณซื้อรถจากเจ้าของแล้วควรนำรถออกทันที แต่ถ้าซื้อรถจากเต๊นท์จะต้องทำสัญญาซื้อขายให้ดี ขอใบเสร็จรับเงินให้เรียบร้อย ถ้านัดไปโอนทะเบียบภายหลังจะต้องกำหนดเวลาการโอนในสัญญาซื้อขายอย่างแน่นอน



ข้อมูลจาก buydee.com

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ข้อดีของเต็นท์รถมือสอง

การซื้อขายรถมือสอง มี 2 แนวทางหลัก คือ ซื้อจากเจ้าของโดยตรง (รถบ้าน) หรือเต็นท์ (รวมถึงผู้ค้าในรูปแบบต่างๆ ด้วย) ทัศนคติของคนส่วนใหญ่มักมองเต็นท์อย่างเลวร้ายว่า หลอกย้อมแมว โกหกสภาพ และขายแพง ในความเป็นจริงต้องมีข้อดีอยู่ไม่น้อย เพราะไม่งั้นจะมีเต็นท์รถมือสองอยู่เกลื่อนเมืองได้อย่าง ไร ถ้ามีแต่คนรังเกียจ

นับว่ามีส่วนจริงอยู่มากสำหรับคนที่มีทัศนคติในแง่ลบต่อเต็นท์รถมือสอง เพราะเกินกว่าครึ่งมักจะปรับสภาพรถด้วยค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดในทุกด้าน ทำแบบขอไปที หรือถึงขั้นย้อมแมว เมื่อใครซื้อมาอาจต้องไล่ซ่อมเหนื่อยกันอีกหลายรอบ หรือถึงขั้นหลอกขายรถที่เคยชน หนักหรือคว่ำมาก็ยังมี

แต่เต็นท์รถไม่ใช่โจร ไม่ใช่ธุรกิจใต้ดิน ไม่ได้มีแต่เต็นท์เลวๆ เสมอไป ยังมีเต็นท์ดีอยู่บ้าง ไม่งั้นวงจรธุรกิจนี้จะดำรงอยู่ได้อย่างไร ไม่เห็นเลิกมีแต่เปิดเพิ่มกันเต็มเมือง

ผมเน้นเสมอว่า การซื้อรถมือสองให้ดูสภาพคันจริงอย่างละเอียดและเปรียบเทียบกับราคา ไม่ต้องสนใจแหล่งที่ขาย เพราะรถเต็นท์สภาพดีๆ ก็มีรถบ้านเน่าๆ ก็เยอะ คำว่ารถบ้านไม่ได้มีความขลังอะไรเลย

บทความนี้ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อรถเต็นท์ แต่เป็นอีกแง่มุมที่เป็นความจริง

"สะดวกสถานที่"
เต็นท์เหมือนห้างสรรพสินค้า ที่เตรียมสินค้าไว้ให้ซื้อได้อย่างสะดวก มีที่ตั้งชัดเจน รู้ตั้งแต่ดูประกาศโฆษณาตามนิตยสารหรือเดินทางผ่านแล้วเห็นว่า สะดวกหรือควรจะแวะไปดูหรือไม่

ในขณะที่การซื้อรถตามบ้าน ไม่ทราบในตอนดูประกาศว่า จะอยู่ไกลจากเราแค่ไหน ต้องเริ่มสอบถามกัน อธิบายเส้นทางกันยืดยาว หลงบ้างรถติดบ้าง หรือไกลสุดกู่ ส่วนใหญ่มักนัดดูที่บ้านก็อาจจะซับซ้อน เดินทางเหนื่อย ไปแล้วก็ไม่ทราบว่าจะถูกใจหรือเปล่า อาจเสียเที่ยวเปล่าก็เป็นได้

"สะดวกเวลา"
เต็นท์เปิดตั้งแต่สายๆ ถึงเกือบย่ำค่ำ เลือกเวลาไปดูรถได้เลยตลอดวัน ถ้าจะซื้อรถบ้านเวลาว่างของผู้ซื้อกับผู้ขายต้องตรงกัน บางคนไม่สะดวกที่จะลางานต้องนัดดูตอนเที่ยง ถ้าคลาดเคลื่อนเวลาก็แย่ ครั้นจะดูตอนเลิกงานก็มืดแล้วมองสภาพต่างๆ ได้ไม่ชัด

"สภาพพร้อมใช้"
แม้ในความเป็นจริงจะเป็นการปรับสภาพแบบขอไปที เน้นให้ดูดีไว้ก่อน แต่ก็ยังดีกว่ารถบ้านที่บางครั้งปล่อยสีถลอก ยังไม่ได้ซ่อม มีโน่นมีนี่เสีย ปล่อยให้ไปซ่อมเอง ก็แล้ว แต่ว่าผู้ซื้อจะชอบแบบใด พร้อมใช้ (แบบพอทน) จากเต็นท์ หรือต้องปรับสภาพเอง (สำหรับรถบ้านบางคัน)

"เงินผ่อนสะดวก"
เต็นท์มีบริการติดต่อไฟแนนซ์ให้อย่างสะดวก จ่ายเงินดาวน์ ทำเอกสารสักชั่วโมง ก็รับรถไปใช้งานก่อน แล้วค่อยนัดวันทำสัญญา และโอนกรรมสิทธิ์รถเข้าไฟแนนซ์

ถ้าซื้อรถบ้าน ต้องติดต่อไฟแนนซ์เอง ยังเอารถมาใช้ไม่ได้จนกว่าผู้ซื้อจะได้เงินครบ (ดาวน์+จากไฟแนนซ์) และผู้ขายไม่ค่อยอยาก ขายแบบเข้าไฟแนนซ์ เพราะได้เงินช้าหลังจากตกลงกันนานเกิน 1 สัปดาห์ และต้องมีช่วงเวลา 2-5 วันหลังจากมีการโอนกรรมสิทธิ์รถแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินจากไฟแนนซ์ ทำให้ใจคอไม่ค่อยดีอีกด้วย รถถูกโอนแล้วแต่ยังได้เงินไม่ครบ

"มีโฆษณามากมาย"
ในหลายนิตยสารสื่อซื้อขายรถมือสองรายสัปดาห์ เล่มละ 30-50 บาท มีโฆษณาสารพัดเต็นท์ให้ดูอย่างจุใจ ทั้งภาพ รายละเอียด ราคา และสถานที่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ทั้งวัน รถบ้านก็มีโฆษณาในนั้นแต่ไม่มาก และมักไม่มีภาพและมีรายละเอียดน้อย

"มีรถให้เลือกมาก"
เต็นท์ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ติดๆ กัน และมีรถหลายคันในแต่ละเต็นท์ บางครั้งตั้งใจไปดูรถคันเดียวโดยเน้นเฉพาะรุ่น แต่พอไม่ได้ซื้อ ก็อาจจะหันไปดูรถรุ่นอื่นในเต็นท์เดียวกัน หรือเต็นท์ใกล้เคียง หากไปดูรถบ้านก็ต้องเจาะจงดูได้แค่คันเดียวเลย

โลกมี 2 ด้านเสมอ ขาวกับดำแม้ในบางเรื่องที่ดูสุดแย่ ก็ยังมีแง่มุมที่ดีอยู่บ้าง



ที่มา bkkcar.com/