วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

7 เรื่องน่าไว้ใจที่นักไดเอทไม่ควรไว้ใจ

คนที่คิดว่าไว้ใจได้  บางครั้งยังมีการแทงข้างหลังทะลุถึงสะดือกันได้เลย  แล้วนับประสาอะไรกับเจ้าแผนได้เอท 7 ข้อนี้
1. ไม่ดื่มน้ำ  น้ำหนักไม่ขึ้น
                ไม่รู้ใครไปป้อนโปรแกรมเข้าสมองสาวๆ  นักไดเอท  ว่าน้ำหนักตัวส่วนหนึ่งมาจากน้ำ  ถ้าไม่ดื่มน้ำน้ำหนักก็จะไม่เพิ่ม  ทั้งๆ  ที่ความจริงแล้วถ้าขาดน้ำร่างกายเราจะหิวจนเบลอ  คลื่นไส้  อารมณ์เสีย  มีความยับยั้งชั่งใจต่ำ  พอเห็นของกินเลยโซ้ยลืมโลก  คนที่มองข้ามความสำคัญของน้ำเปล่าแก้วโตๆ  วันละ 8 แก้วจึงอ้วนว่ายมาก  วิธีที่ดีที่สุดคือดื่มทันทีที่ดื่นนอน 1 แก้ว  ดื่มอีกหนึ่งแก้วระหว่างมื้ออาหาร  จับไปเรื่อยๆ  ระหว่างทำงาน  และดื่มอีกหนึ่งแก้วเต็มๆ  ก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง
2. ดื่มน้ำผลไม้
                เอาเข้าจริงน้ำผลไม้ที่ขายกันไปทุกวันนี้ไม่มีไฟเบอร์เหลืออยู่เลย  แต่มีน้ำตาลเพียงทั้งจากตัวผลไม้เอง  และจากน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ่งจากที่แม่ค้าเขาใส่ลงไปแต่งรสให้อร่อยเหาะถูกใจ คนกิน(แถมบางร้านยังไม่ยอมล้างผลไม้ก่อนไปคั้นน้ำอีกต่างหาก)  ดื่มน้ำผลไม้แก้วหนึ่งจึงเท่ากับเพิ่มความอ้วนให้ตัวเองอีกหลายขีด  นอกจากนี้เวลาที่เราน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงๆเข้าไป  ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งขึ้นทันที  ทำให้คุณอิ่มเร็ว  แต่ไม่นานพอร่างกายใช้น้ำตาลในเลือดหมดแลส  ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว  ทำให้เราหิวจนตาลาย  ทีนี้ข้าวจานเดียวก็เอาไม่อยู่  ความอ้วนเลยเพิ่มคูณสองคูณสาม  กลายเป็นอวนระยะสุดท้ายไปเลย
3. ไว้ใจทุกอย่างที่เป็นปลา
                ปลาอาจจะมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยสลายไขมันสะสม  แต่ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสาวๆ  ที่กำลังไดเอท  เพราะอาหารที่อาหารที่ทำจากปลามักจะหนีไม่พ้นการทอดหรืออบเนย  ถ้าเป็นเบอร์เกอร์ปลาก็ใส่มายองเนสจนซุ่มก่อนจะทานปลาจึงต้องไม่ลืมดีด ลูกคิดหาปริมาณแคลอรีด้วย  เพราะปลาบางจานอาจจะแคลอรีสูงกว่าได่ย่างรสแวบของโปรดคุณด้วยซ้ำไป
4. อาหารไขมันต่ำคือเพื่อนแท้
                อาหารไขมันต่ำส่วนใหญ่รสชาติจะจืดมากถึงมากที่สุด  ผู้ผลิตเขาก็เลยต้องอุดรูรั่วด้วยการกระหน่ำเติมน้ำตาลลงไป  ทำให้คนกินอย่างเราได้รับแคลอรี่ที่ไม่ต้องการเพิ่มมาอีกเพียบ ถ้าคิดจะฝากความหวังไว้กับอาหารไขมันต่ำ  สาวแซบจึงต้องอ่านฉลากทุกครั้ง  เพื่อเช็คปริมาณน้ำตาลและแคลลอรีด้วย
5. ไว้ใจอาหารจานพัก.        
                คำว่าพักอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้อาหารจากนั้นเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำ  เพราะอาหารพักๆส่วนใหญ่จะมาพร้อมน้ำมันท่วมจาน  อย่างผัดพัก  สลัดผัดน้ำมัน  กินแล้วความอ้วนก็ยังลั้นลาได้เหมือนเดิมถ้าอยากทานพัก  คุณจึงควรเข้าครัวปรุงเอง  หรือไม่ก็กำชับพ่อครัวร้านอาหารตามสั่งให้ใส่น้ำมันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะ น้อยได้  ส่วนสลัดน้ำเข้มข้นแคลอรีเพียวนั้ง  ขอสาวแซบจงลืมมันไปจากโกลเลยจะดีมากๆ
6. เป้าหมายสุดขอบฟ้า
                ก่อนจะตั้งเป้าลดน้ำหนัก  สาวแซบควรจะมองโลกในความเป้นจริงก่อนว่าคุณทนทำโปรแกรมลดความอ้วนแบบหฤโหด ได้หรือเปล่า  บางคนตั้งเป้าว่าจะลดน้ำหนักอาทิตย์ 2 กิโล  ซึ่งอาจจะทำได้ในอาทิตยืแรก  แต่อาทิตย์ที่สอบนอกจากจะไม่ไหวแล้วนางยังกลับมากินหนักกว่าเดิม  เรื่องอ้วนกว่าเก่าจึงไม่ต้องพูดถึงอิชั้นคอมเฟริ์มว่าล้านเปอร์เซ็นต์
7. บอกลาของหวาน
                ถึงของหวานจะทำให้อ้วน  แต่การงดกินของหวานไปเลยก็ยังไม่ใช่ชีวิตไดเอทที่ถูกอยู่ดี  เพราะมันจะทำให้ทั้งร่างกายและหัวใจของคุณเรียกร้องหาแต่เค้ก  ไอติม  น้ำอัดลมตลอดเวลา  เมื่อไรที่คุณได้หยิบขนมหวานๆเข้าปากแค่ชั้นเดียว  คุณจะลืมสิ้นทุกอย่างคนที่คิดจะตัดญาติขาดมิตรกับของหวานจึงต้องแน่ใจก่อน ว่าจะไม่กินได้จริงๆ  แต่ถ้ายังทำไม่ได้ขนาดนั้น  กูรูเขาบอก ให้กินขนมหวานชิ้นเล็กๆ  วันละชิ้น  ร่างกายจะได้ไม่โหยหาน้ำตาลมากเกินไป
ที่มา : นิตยสาร Spicy

วิธีดูแลหน้าใสไร้สิว

1. ล้างหน้าให้ถูกวิธี
                สิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อให้ใบหน้าสวยไร้สิวก็คือ  เธอต้องรู้จักวิธีล้างหน้าให้ถูกวิธีก่อน  วิธีก็ง่ายๆ  ไม่ยากเลย
                (1) ในตอนเย็น  ฌะอต้องทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางก่อน  เพราะในตอนเช้าเอได้ทาครีมกันแดด  ซึ่งครีมพวกนี้ล้างไม่ออกหมดด้วยสบู่หรือโฟมล้างหนได้  ให้เธอและคลีนซึ่งลงบนใบหน้าเป็นจุดๆ  แล้วใช้ปลายนิ้วถูวนบนใบหน้าแบบทวนเข็มนาฬิกา  จากนั้นใช้สำลีแบบแผ่นเช็ดออกอย่างแผ่วเบา
                (2) ล้างหน้าสะอาดด้วยสบู่หรือสบู่สำหรับล้างหน้าโดยเฉพาะไม่แนะนำให้ใช้แบบส คับ  เพราะจะทำให้สิวผลได้  และห้ามล้างเกิน 2 รอบ  เวลาล้างสบู่ให้ถูเบาๆ  ไม่ต้องออกแรงเยอะ
                (3)  น้ำที่ใช้ล้างหน้าควรเป็นน้ำอุณหภูมิห้อง
                (4) ล้างหน้าเสร็จ  ให้ใช้ผ้าขนหนูซับเบาๆ  เน้นว่าเบาๆ
                (5)  สุดท้ายเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวด้วยมอยส์เจอไรเชอร์  เลือกที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเธอด้วย
2. พกกระดาษซับมัน
                สำหรับคนที่มีผิวมัน  เธออย่าล้างหน้าบ่อยมาก  เพราะหลังล้างหน้าใบหน้าจะแห้ง  ทำให้ผิวเร่งการผลิตไขมันมากขึ้นไปอีกทางที่ดีให้ใช้กระดาษซับมัน  ซับออกอย่างเบาๆจะช่วยลดความมันได้ดี โดยไม่ต้องคอบล้างหน้าบ่อยๆ
3. ดื่มน้ำมากๆ
                น้ำเปล่าสะอาดจะช่วยเพิ่มความชุ่มซื้นให้แก่ผิว  ลดการผลิตน้ำมันสาเหตุของสิวได้อย่าดีเยื่ยม  แถมยังช่วยซะล้างของเสียอีกตั้งหาก
4. ออกกำลังกาย
                การออกกำลังกายก็ช่วยลดสิวได้เหมือนกัน  เพราะการออกำลังกายจะช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุล  ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายแต่ที่สำคัญ  หลังออกำลังกาย  ต้องอาบน้ำ  ล้างหน้าให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้น  เหงื่อไคลจองเราอาจจะเป็นสาเหตุให้สิวพอกพูนได้
5. งดอาหารมันๆ
                อาหารมันๆ ประเภทอาหารทอดๆ  ผัดๆ  หรือไขมันสัตว์ทั้งหลายมีแต่จะเพิ่มพูนความมันในร่างกายของเราและก็เป็น แหล่งสะสมของสิว  เธอก็ควรงดอาหารจำพวกนี้ซะ  แล้วเน้นกินผัก  ผลไม้  จะช่วยให้ผิวใสแถมไร้สิวอีกต่างหากนะ
6. ทำความสะอาดเตียงที่นอน
                เตียงนอน  ปลอกหมอนที่เราต้องเอาหน้าไปสัมผัสทุกวัน  อาจจะเป็นสาเหตุของสิวอย่างที่คาดไม่ถึง  ดังนั้นให้ถอดออกมาทำความสะอาดทุกสัปดาห์  แล้วผ้าห่มด้วย
7. ไม่ใช้แชมพูที่แรงเกินไป
                นอกจากการเลือกครีมบำรุงผิวหน้า  และโฟมล้างหน้าที่เหมาะแล้ว  แชมพูก็สำคัญและห้ามมองข้ามเด็ดขาด  เพราะเวลาเราล้างแชมพูก็จะไหลผ่านหน้าเรา  ดังนั้นให้เลือกแชมพูที่ไม่แรงมากมันจะได้ไม่ส่งผลอันตรายต่อผิวหน้าเรานะ
8. เลี่ยงการทำอะไรกับผิวมากเกินไป
                ถ้าอยากมีผิวใส  ตอนนี้ต้องเลี่ยงไปก่อน  ต้องรักษาสิวให้หายสนิทเสียก่อนเริ่มบำรุงผิว  งดเว้นการสครับผิว  หรือทาครีมสารพัดโหมกระหน่ำ  ส่วนการทำผิวให้บิ๊งใส  รอจนกว่าสิวหมดก่อนแล้วค่อยลุยขั้นต่อที่สอง
                ที่มา : นิตยสาร I-Like

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิธีถนอมเส้นผมขณะว่ายน้ำ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการว่ายน้ำคงจะหลีกเลี้ยงผมเสียแห้งแตกปลายไมไ่ด้ เพราะน้ำในสระเต็มไปด้วยคอลรีนทำลายเส้นผม แต่ถ้าคุณชอบว่ายน้ำ แต่กลัวว่าผมจะเสีย ลองใช้เคล็ดลับของเราต่อไปนี้เพื่อปกป้องเส้นผม ให้คุณได้ว่ายน้ำอย่างสบายใจครับ
1.ล้างเส้นผมด้วยน้ำก๊อกเสียก่อนที่จะตื่นเต้นกระโจนลงทะเลหรือสระว่าย น้ำ เพราะเส้นผมเปียกๆ จะดูดซับคลอรีนและเกลือได้น้อยกว่าตอนที่ยังแห้งๆอยู่
2.อย่าใช้แชมพูสระผมก่อนลงไปว่ายน้านั้นควรแค่ล้างน้ำเท่านั้น เพราะก่อนสระผมเ้นผมของเราจะมีน้ำมันตามธรรมชาติถ้าล้างด้วยแชมพูอาจทำให้ เส้นผมสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติและสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ช่วยทำหน้าที่เป้นตัวขวางกั้นระหว่างเส้นผมกับสารเคมีอื่นๆ
3.ใช้คอนดิชันเนอร์แบบไม่ต้องล้างออกชะโลมเส้นผมให้ทั่วก่อนลงน้ำ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายได้ รวมทั้งช่วยลดเส้นผมพันกันและป้องกันไม่ให้เส้นผมแห้งด้วย
ก่อนลงเล่นน้ำคราวหน้าอย่าลืมนำเคล็ดลับไปใช้กันดูนะครับ

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กูเกิ้ลเตือน”แอนตี้ไวรัส” (antivirus) ปลอมระบาดหนัก

สาระน่ารู้ : รายงานข่าวล่าสุด ผลจากการศึกษาของกูเกิ้ล (Google) พบว่า ซอฟต์แวร์แอนตี้ (antivirus) ไวรัสปลอมที่ ติดตั้งตัวเองเข้าไปในพีซีพร้อมกับโค้ดอันตราย กำลังเป็นภัยคุกคามอย่างหนัก โดยผลจากการวิเคราะห์หน้าเว็บ 240 ล้านเพจตลอดช่วงระยะ 13 เดือนที่ผ่านมาพบว่า มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสปลอมมากถึง 15% เลยทีเดียว
แฮคเกอร์ และพวกนักต้มตุ๋นกำลังหลอกล่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด และติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสปลอมเข้าไปในเครื่อง โดยหลอกเหยื่อว่า พีซีของพวกเขามีไวรัสแพร่กระจายอยู่ในเครื่อง และเมื่อเหยื่อดำเนินการติดตั้งแอนตี้ไวรัสปลอมเข้าไป ซอฟต์แวร์ก็จะขโมยข้อมูล หรือไม่ก็บังคับให้เหยื่อลงทะเบียนจ่ายตังค์ให้กับซอฟต์แวร์ปลอม
“น่าประหลาดใจทีผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังคงตกเป็นเหยื่อของการโจมตีในลักษณะนี้ แถมยังยอมลงทะเบียนจ่ายตังค์ให้กับซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสปลอมเสียด้วย ซึ่งนอกจากจะหลอกเอาเงินแล้ว บ่อยครั้งที่พบว่า ซอฟต์แวร์พวก นี้มักจะมาพร้อมกับมัลแวร์ที่คอยป่วนเครื่องตลอดจนโขมยข้อมูล อีกด้วย” รายงานจากผลการศึกษาของกูเกิ้ลยังเปิดเผยอีกว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสปลอมถูกแพร่กระจายผ่านโฆษณา
Graham Cluley ผู้เชี่ยวชาญจากโซฟอส (Sophos) ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า วิธีที่แฮคเกอร์ใช้ในการแพร่กระจายซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส (antivirus) เรียก ว่า เทคนิคการออปติไมซ์เสิร์ชเอ็นจิ้นในรูปแบบกลโกงชนิดหนึ่ง เพื่อให้มันปรากฎในรายการผลลัพธ์เสิร์ช เช่น การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่อยู่ในกระแสมาสร้างเป็นคอนเท็นต์ในเว็บไซต์ เป็นต้น เมื่อเหยื่อคลิกบนลิงค์เข้าไปในหน้าเว็บ มันก็จะป๊อปอัพลิงค์ของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสปลอมขึ้นมาทันที แม้จะมีกลไกไล่จับภัยคุกคามลักษณะนี้แล้วก็ตาม แต่ก็พบว่า มันมีการเปลี่ยนโดเมนเนมหนีเร็วมาก ดังนั้น ผู้ใช้จึงต้องระวังด้วยตัวเองในระดับหนึ่ง

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ล้างห้องเครื่อง อย่างไร ให้สวยงามและถูกวิธี

ถ้าจะล้างห้องเครื่องยนต์ ให้สะอาดเอี่ยม ปราศจากคราบฝุ่น คราบน้ำมัน สวยงาม เปิดเครื่องโชว์ได้ไม่อายใคร ตรวจเช็คปัญหาพวกเรื่องน้ำมันรั่วซึมได้ง่าย และไม่มีปัญหามีล้างอย่างไร และต้องระวังจุดใดบ้าง

เตรียมอุปกรณ์ การทำความสะอาดล้างห้องเครื่อง

1. น้ำยาล้างเครื่องยนต์ หาซื้อได้ตามเชียงกง หรือร้านอะไหล่ ราคาไม่เกิน 500 บาท/แกลลอน (ส่วนยี่ห้อ ถ้าอยากได้ของดีจริงๆ ให้สังเกตดีๆตามในรูปนะครับ หลังจากที่ใช้มาเกือบทุกยี่ห้อในเชียงกง แต่แล้วก็ต้องกลับมายี่ห้อเดิม ก็คุณภาพมันต่างกันมากเหลือเกินนี่ครับ)
2. น้ำมันผสม เลือกได้ทั้ง 2 แบบ คือน้ำมันเบนซิล 91 ก็พอ หรือจะใช้ 95 ก็ได้(มันแพงเกินไปหน่อย) หรือน้ำมันโซล่าหรือน้ำมันดีเซลนี่หละ แล้วอย่าพึ่งรีบไปผสมแล้วอยากเอี่ยมไปล้างก่อนล่ะ อ่านให้จบก่อนดีกว่า ผสมผิดคิดจนตายได้ อย่างนี้หละที่เขาเรียกว่า เคล็ดลับ
3. แปรงทาสี ขนาดพอเหมาะสัก 1 นิ้ว หรือ 1.5 นิ้ว , ฟองน้ำล้างรถ (ไม่ต้องใช้แพงๆครับ เพราะมันโดนน้ำมันทีเดียวก็อาจเหลวเสียทิ้งได้เลย) หรือสก็อตไบท์ สำหรับท่านที่คิดว่าเครื่องสกปรกมากๆ
4. ถุงพลาสติก เทปพันสายไฟ หรืออะไรก็ได้ที่ใกล้เคียง คงไม่ได้เอามาใส่ขยะแน่ จุดประสงค์ใช้เปิดตามปลั๊กไฟเพื่อกันน้ำ
5. น้ำยาเคลือบเงา พวก Waxy หรือ Carwash หรือไม่มีจริงๆ ก็พวกน้ำยาครอบจักรวาล Sonax , WD40 หรือใช้ควบคู่กันก็ดีครับ
6. เครื่องเป่าลม เครื่องปั้มลมแรงๆ หรือพวกเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถเป่าลมได้ ยิ่งแรงๆยิ่งดี ใช้ในการเป่าน้ำให้แห้ง
7. น้ำ คงไม่ต้องอธิบายกันมาก

ขั้นตอนการทำความสะอาด

1. ถอดขั้วแบตเตอร์รี่ก่อน การล้างครั้งนี้เราต้องใช้น้ำ และน้ำคือสื่อไฟฟ้า อาจจะทำให้เกิดการลัดวงจรต่อระบบไฟหัวฉีด กล่องคอมพิวเตอร์พังได้ (พังมาเยอะ) หรือเกิดไฟช็อตลุกติดน้ำมันผสมได้ (กลายเป็นได้ซื้อรถใหม่ทั้งคัน ) และอย่างน้อยก็ป้องกันคนหวังดี แอบไปสตาร์ทเครื่องในขณะคุณที่กำลังล้างเครื่องอยู่
2. หุ้มพลาสติกปลั๊กไฟ และพวกขั้วไฟฟ้าต่างๆ เช่น ปลั๊กจานจ่าย จานจ่าย คอยล์ ตัวช่วยจุดระเบิด ปลั๊กเซนเซอร์ หัวฉีดต่างๆ ที่พอจะหุ้มได้ กล่องฟิวส์ และปลั๊กไฟที่สำคัญทุกๆ จุด
3. ผสมน้ำมันล้าง กับน้ำยา หาภาชนะมาเทน้ำยาล้างเครื่องลงไปก่อน แล้วใช้น้ำมันเทผสมการเลือกใช้น้ำมันผสม
* น้ำมันดีเซล โซล่า ใช้กรณีที่สกปรกน้อย พวกจุดที่มีฝุ่นผงเกาะ น้ำมันเปื้อนเล็กน้อย คอไอดีที่เป็นอะลูมิเนียม หรือพวกจุดต่างๆที่ต้องการความเงางาม และจุดที่เป็นอลูมิเนียมปัดเงา การผสมน้ำมันดีเซลจะทำให้เกิดความเงางามเพิ่มขึ้น อัตตราส่วนไม่ควรเกิน 2:1 (น้ำยา 2 ส่วน : น้ำมันโซล่า 1 ส่วน) ผสมมากเกินไปจะใสล้างไม่ค่อยออก ผสมน้อยไปก็ล้างไม่ค่อยออกเหมือนกัน
* น้ำมันเบนซิล ใช้ในกรณีสกปรกมากๆ จุดที่จะล้างมีคราบน้ำมันเหนียว หรือเป็นคราบแข็งเป็นเวลานานๆ การผสมน้ำมันเบนซิลมีผลในการกัดที่รุนแรงมาก ไม่ควรใช้ทากับพลาสติก จุดที่เป็นสีดำ จุดที่พ่นสีด้วยสีเสปย์ หรือพวกอลูมิเนียมเงา หรือปัดเงา จะทำให้เกิดคราบกัดขาว อัตตาส่วนผสมไม่ควรเกิน 3:1 หรือ 2:1 (น้ำยา 3 ส่วน : น้ำมัน 1 ส่วน) ผสมมากการกัดก็รุนแรงมาก
4. ทาน้ำยาผสมล้างให้ทั่ว ใช้แปรงทาสี จุ่ม และค่อยๆทา ถ้าไม่ออกทาแรงๆ ถ้าไม่ออกก็ฟองน้ำ สก็อตไบท์ บรรเลงลงไปเลยครับ นี่หละเคล็ดลับ แต่การใช้สก็อตไบท์ ต้องระวังหน่อย อย่าขัดพวกสีรถ หรือพวกพลาสติก จะทำให้เกิดรอย ใช้ในจุดที่อยากให้ออกจริงๆ ต้องระวัง
5. ใช้น้ำล้างออก ควรใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ เช็ดน้ำยาและคราบออก ตามจุดที่ควรระวังเช่น ฝาครอบสายหัวเทียน สายหัวเทียน ฝาครอบวาล์ว จานจ่าย ตัวช่วยจุดระเบิด กล่องฟิวส์ และจะสำคัญเกี่ยวกับระบบไฟทุกๆจุด และใช้น้ำค่อยๆเทราดไปในส่วนที่ต้องการล้าง ใช้แปรง และฟองน้ำ ควบคู่กันจนออกหมด
6. เป่าลมไล่น้ำให้แห้ง ใช้เครื่องปั้มลม หรือเครื่องดูดฝุ่น(ต่อให้เป็นแบบเป่าลมได้) หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็ไดเป่าผมเนี่ยหละครับ ต้องลงทุนกันบ้างแล้ว เป่าไล่น้ำตามจุดต่างๆ ออกให้หมด เน้นๆพวกปลั๊กไฟ จานจ่าย และหัวเทียน พร้อมแกะพลาสติกหุ้มออกให้หมด และเป่าลมจนน้ำแห้งสนิท
7. ใส่ขั้วแบตสตาร์ทเครื่องได้ เป็นการทดสอบว่ามีน้ำเข้าไปตามปลั๊กไฟหรือไม่ ถ้าเครื่องยังเดินสมบูรณ์ไม่มีปัญหาถือว่าไชโยโอเค ถ้าเกิดสตาร์ทไม่ติด หรือเดินไม่นิ่ง ต้องถอดขั้วแบต และเป่าลมไล่น้ำอีกครั้ง เน้นๆจานจ่าย คอยล์ ปลั๊กหัวเทียน และปลั๊กไฟต่างๆ ถ้าไม่แน่ใจให้ถอดมา แล้วเป่าลมให้แห้ง พ่นน้ำยากันสนิม หรือน้ำยาล้างหน้าคอนแทค ถือเป็นการทำความสะอาดขั้วไฟไปในตัว
8. เคลือบเงา หลังจากสตาร์ทเครื่องอุ่นสักพักจนน้ำแห้งดี รอให้เครื่องเย็นก่อนครับ แล้วใช้น้ำยาเคลือบเงา พวก Waxy มาจุ่มด้วยฟองน้ำ และทาในจุดที่ต้องการให้เงางาม ถือว่าดีที่สุด หรือใช้น้ำมันพวกครอบจักรวาล พ่นเคลือบในจุดที่แห้ง และจะเกิดสนิม ใช้น้ำมันเครื่องกับจารบี ทาหรือหยอดในจุดหมุนต่างๆ เป็นการป้องกันสนิม และหล่อลื่นไปในตัว การใช้น้ำมันเครื่องมาทาให้เงางาม ผลเสียคือฝุ่นจะจับตัวเร็วมาก ถ้าเป็นน้ำมันครอบจักรวาล พวกนี้จะระเหยตัวเร็ว ต้องพ่นเคลือบและเช็ดบ่อยๆ

เสร็จเรียบร้อยแล้วกับการล้างห้องเครื่อง ให้สวยงามและถูกวิธี ขอสำคัญคือทำความสะอาดบ่อยๆ และถือโอกาสตรวจเช็คส่วนต่างของประกอบต่างๆ เช่นท่อน้ำ ท่อน้ำมัน น้ำรั่ว น้ำมันเครื่องซึม สายพาน สายไฟ อื่นๆ ไปด้วยในตัวเลยนะครับ

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มานับอายุ(ขัย)ของยางกันเถอะ

ความสำคัญของ "ยางรถยนต์" นั้นขอบอกว่าไม่แพ้กับชิ้นส่วนอื่นๆที่ประกอบขึ้นมาเป็นรถ 1 คันเลย เพราะนอกจากจะช่วยให้รถขับเคลื่อนไปได้แล้วยังช่วยในระบบการเบรกเมื่ออยู่ใน ถนนที่มีสภาพที่ลื่นหรือขรุขระ ยางที่ดีนั้นจะต้องมีคุณสมบัติในการช่วยให้ผู้ขับขี่มีความนั่นใจและลดการ กระแทก ผู้ใช้รถหลายคนลืมที่จะให้ความสำคัญกับยางแต่กลับไปเน้นที่น้ำมันหรือ เครื่องยนต์จนลืมนึกถึงความสำคัญของยางที่เรียกได้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาพ แวดล้อมที่โหดร้ายตลอดเวลาการใช้งาน
ผลการวิจัยพบว่าเนื้อยางนั้นจะมีการยืดตัวไปมานับเป็นล้านๆครั้งขณะที่ กลิ้งตัวไปตามถนนจนกว่าจะหมดสภาพการใช้งาน ตัวอย่างเช่นยางขนาด 185/70 R13 หากวิ่งด้วยความเร็ว 130 กม./ชม. จะต้องหมุนถึง 20 รอบ/วินาที นั่นแสดงว่าการออกแบบและการผลิตยางแต่ละเส้นนั้นได้มีการนำองค์ประกอบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความทนทานและอายุการใช้งานเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย
โดยทั่วไปแล้ว อายุของยางรถยนต์จะเริ่มตั้งแต่วันแรกที่ไปใช้งานจริงหรือติดล้อวิ่งไม่ใช่ จากวันเดือนปีที่ผลิตเหมือนอย่างอาหารหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆและหากพิจารณาถึง การสิ้นสุดของการใช้งานแล้วล่ะก็ ให้พิจารณาจากความสึกหรอของดอกยาง ซึ่งดูจากสะพานยางที่อยู่ระหว่างร่องดอกยาง ที่มีควาสูงประมาณ 1.6 มิลลิเมตร หากพบว่าดอกยางมีอัตราการสึกจนถึงระดับนี้แล้วแสดงว่ายางเส้นนั้นหมดอายุและ ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่เพื่อความปลอดภัยอย่างไรก็ดี หากคุณต้องการให้การขับขี่อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น ในสภาพการขับขี่ที่มีฝน ขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทุกครั้งเมื่อ ตรวจสอบพบว่าการสึกหรอ ลึกประมาณ 3.5 มิลลิเมตร
สำหรับยางที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งานนั้น สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต) ก่อนนำไปติดล้อวิ่งจริงซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากจนกระทั่งผู้ขับขี่ไม่ จำเป็นที่ต้องให้ความสนใจในการตัดสินใจซื้อยาง แต่ก็ควรให้ความสำคัญกับการเลือกยางรถยนต์ให้ถูกกับการใช้งาน ยี่ห้อที่ไว้ใจได้และมีการดูแลยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย ที่แท้จริง นอกจากนี้หากว่าต้องการยืดอายุการใช้งานของยางให้มากขึ้นเราก็มีเคล็ดลับมา ให้ท่านผู้อ่านลองทำตามดู

  1. ควรตรวจสอบลมยางเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ หรือทุกครั้งก่อนการเดินทางไกลให้มีความดันลมยางที่เหมาะสม (ควรทำเมื่อยางอยู่ในอุณหภูมิปกติ) นอกจากนั้นควรตรวจสอบความดันลมยางของยางอะไหล่ และควรอ้างอิงความดันลมยางจากคู่มือของบริษัทนั้นๆ
  2. ควรเปลี่ยนวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางเส้นใหม่ เนื่องจากความกดดันจากแรงหนีศูนย์อาจทำให้ยางลมอ่อน ส่งผลให้ยางเกิดความเสียหายได้
  3. การตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ เพื่อปกป้องช่วงล่าง ช่วยลดการสั่นสะเทือน รองรับแรงกระแทกรวมถึงระบบพวงมาลัยทำให้ยางใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
  4. ลักษณะการทรงตัวของรถเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการสึกหรอของยางการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยไม่ให้ลมยางอ่อน เสื่อมสภาพเร็วและสึก

เก็บรักษายางอย่างไรดี?
  1. การเก็บรักษายางของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ คุณควรทำความสะอาดยางด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง แกะเอากรวดและก้อนหินต่างๆ ซึ่งอาจติดอยู่ที่ดอกยางออกเสมอ
  2. การเก็บรักษาที่ดี ช่วยให้การใช้งานยางของคุณยาวนานมากยิ่งขึ้น
    • หากใส่ยางเข้ากับล้อแล้ว ควรเก็บโดยการวางราบลงกับพื้น หรือหาที่แขวน
    • หากยังไม่ได้ยางใส่เข้ากับล้อ ให้เก็บยางโดยการตั้งยางไว้กับพื้น

  3. ขอแนะนำให้ให้คุณเก็บรักษายางไว้ในที่เย็น ไม่ควรเก็บยางไว้ในที่ที่ถูกแสงแดดโดยตรง เมื่อทำการเปลี่ยนยาง หรือสลับยางระหว่างล้อ ควรจดจำตำแหน่งในการใส่ให้ถูกต้อง อาทิเช่น ควรทำเครื่องหมาย FL แทนสำหรับ ยางล้อหน้าด้านซ้าย
  4. ในกรณีที่คุณมีรถพ่วง หรือยานยนต์ที่มักต้องทิ้งให้จอดอยู่ในโรงรถเป็นเวลานานๆ ขอแนะนำให้คุณเพิ่มแรงดันยางมากกว่าปกติ อย่างน้อย 7 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (0.5 บาร์)

**ขอบคุณข้อมูลจาก มิชลิน**