วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทำไมบางคนถึงมีกลิ่นตัวแรง

หลายคนอาจจะเห็นประสบพบ ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นจากตัวคุณเอง คนใกล้ตัว หรือ เพื่อนฝูงรอบข้าง วันนี้ทีมงานสนุก! แคมปัส ขออาสาพาไปไขข้อข้องใจกัน…
การมีกลิ่นตัวแรงอาจเนื่องมาจากเหตุ 3 ประการด้วยกัน คือ…
ประการแรก อาจเกิดขึ้นจาการมีสาร บางอย่างที่มีกลิ่นเหม็นนั้นอยู่ในกระแสเลือด โดยสารพวกนี้ได้รับเข้าไปทางอาหารและจะถูกขับออกมาทิ้งโดยทางเหงื่อ ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้
ประการที่สอง อาจเกิดจากพวกแบคทีเรียที่มีอยู่ตามผิวหนัง รวมกับเหงื่อ ทำให้เกิดการบูดเน่าและมีกลิ่นเหม็น
ประการที่สาม เกิดจากการสลายตัวของสารที่ละลายปนออกมากับเหงื่อ ทำให้มีกลิ่นเหงื่อเกิดขึ้น โดยมากจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่สนใจที่จะอาบน้ำชำระเหงื่อไคล หรือไม่ค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มอยู่เสมอ
ที่มา: วิทยาศาสตร์ 5 นาที ชุดที่ 4 โดย อำนาจ เจริญศิลป์

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทำไมเวลาไม่สบายหมดถึงต้องให้น้ำเกลือ

หลายคนเวลาไม่สบายเข้าโรงพยาบาลคงจะเคยโดนหมดให้น้ำเกลือมาแล้วใช่ไหม ครับ ไอน้ำเกลือจริงๆแล้วมันคืออะไรหลายคนมักเข้าใจผิดว่าน้ำเกลือ เนียเป็นยาวิเศษ ถ้าต้องเข้าโรงพยาบาล หรือ แม้แต่ไปพบหมอ ต้องขอร้องให้ ให้น้ำเกลือ โดยให้เหตุผลร้อยแปดพันเก้า เช่น จะได้อ้วนท้วนแข็งแรงสุขภาพดี กินได้ นอนหลับ เป็นต้น ส่วนบางคนเข้าใจผิดไปอีกด้านหนึ่งเลย คือเชื่อว่าการให้น้ำเกลือเป็นสัญญาณว่าคนไข้อาการหนักแล้ว อย่างนี้ต้องอธิบายให้ฟังทั้งคู่เสียแล้วละ
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ตามปกติแล้วร่างกายของคนเราจะเสียน้ำออกไปจากร่างกาย โดยการขับถ่ายเป็นน้ำปัสสาวะ หรือเป็นเหงื่อ หรือเป็นไอน้ำออกมาทางลมหายใจ รวมแล้วจะมีน้ำที่ขับออกมาจากร่างกายวันหนึ่งราว ๒ ลิตรครึ่ง เราจึงต้องการน้ำเข้าไปแทนที่โดยการดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
แต่เมื่อผู้ป่วยเสียน้ำมากกว่าปกติ เช่น ท้องเดิน อาเจียน เหงื่อออกมาก ไข้สูง เสียเลือดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น แพยท์จึงต้องให้น้ำเข้าไปทดแทน โดยให้น้ำเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แต่เนื่องจากน้ำกับเลือดมีความเข้มข้นต่างกัน จึงเติมเกลือลงไปในน้ำ เพื่อให้มีความเข้มข้นเท่ากับเลือด นอกจากนั้นน้ำเกลือยังช่วยเปิดเส้นเลือดไว้ เพื่อให้เลือดหมุนเวียน จนยาที่ผสมอยู่สามารถไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือดดำได้อย่างราบรื่น
น้ำเกลือจึงไม่ใช่ทั้งยาวิเศษ และสัญญาณอันตรายอะไรเลย เป็นขั้นตอนที่มีเหตุผลของการฟื้นฟูร่างกายของเราเท่านั้นเองครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)