วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

เชื่อหรือไหม…เปลือกไข่มีประโยชน์

ประโยชน์ที่ส่าไม่ไช่หมายถึงการเอาเปลือกไข่ไปทาสีวาดหน้าตาเป็นตัวตลกเล่น  แต่เป็นประโยชน์ที่ร่างกายจะได้พลังงานจากการกินเจ้าเปลือกเข้าไป  ด้วยการเอาเปลือกไข่มาล้างให้สะอาดย่างให้ร้อนแล้วตำบดจนแห้งเป็นผง (หรือถ้าใครกว่ามันดำก็เปลี่ยนเป็นอบแทน)  จากนั้นก็เอาไปหุงปนข้าว  คุณจะได้ข้าวที่เสริมแคลเซียมมาอย่างดี  เหมาะสำหรับเด็กคนแก่  และคนที่ทำงานอย่างหนักทุกคน

เรื่องขององุ่นแดง

องุ่นแดงมีสีตั้งแต่แดงเรื่อๆ  จนแดงเข็มเหมือนกับดำ  เช่นองุ่นพันธุ์  black pearl เป็นต้น  สีแดงนั้นเป็นเม็ดสีและมีอยู่ที่ผิวองุ่นพันธุ์เท่านั้น  และผิวองุ่นมีน้ำหนักเฉลี่ยเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผล  หากคั้นน้ำองุ่นแดงจะได้น้ำที่ปราศจากสีเจือปนสีแดงขององุ่นเป็นสารสีแอนโธ ชัยนิน  ซึ่งเป็นกลุ่มสารฟินอลที่มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ  โดยเชื่อว่าจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งและซะลอความแก่เป็นต้น  องุ่นแดงที่ใช้ทำไวน์จะมีสารดังกล่าวอยู่ 1.0 ถึง 2.8 มิลิกรัมต่อกรัมขององุ่น  ซึ่งสูงกว่าองุ่นแดงที่รับประทานสดที่มีอยู่เพียง 0.07 ถึง 0.15 มิลิกรัมต่อกรัมขององุ่นสดเท่านั้น  ดังนั้นเพื่อให้ได้รับสารที่มีประโยชน์อย่างเต็มที่ครั้งต่อไปควรรับประทาน องุ่นสีแดงเข้มและควรเคี้ยวเปลือกองุ่นให้แหลกเพื่อปลดปล่อยสารแอนโธชัยนินอ อกมาให้มากที่สุด
โครงการเผลแพร่ความรู้และผลงานวิชาการผ่านสื่อหนังสือพิมพ์
คณะอุตสาหกรรมเกษตร  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

รอบรู้เรื่องมีด

มีด’ ของใช้ มีคม ที่มักประจำการอยู่ตามห้องครัว มีให้เลือกใช้หลากหลายประเภท มีแบบไหนใช้งานอย่างไรให้ถูกวิธี วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีมาบอก…

- มีด มีทั้งที่ทำจากเหล็กสแตนเลสและทองเหลือง ควรเลือกมีดที่ทำจากเหล็กเนื้อดีไม่เป็นสนิมด้ามทำจากเนื้อเหล็กอย่างดีติด แน่นกับตัวมีด
- มีดอีโต้ ใช้ในการสับเนื้อสัตว์ต่าง ๆ
- มีดปลายแหลมมีหลายแบบ ไว้ใช้หั่นผัก ใช้ปอกผลไม้ และมีดปลายแหลมเล็กๆโค้งๆ ไว้สำหรับแกะสลักผลไม้และผักต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม
- มีดต่างๆ เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็จะหมดความคมต้องทำการลับด้วยหินลับมีดซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมหนา
- วิธีลับ คือ ให้วางหินลับมีดชนิดก้อนสี่เหลี่ยมหนาไว้หินบนผ้าเพื่อไม่ให้หินเลื่อน วางปลายมีดบนหินมือขวาจับด้ามมีดมือซ้ายกดให้คมถูออกไปตามหินกดให้น้ำหนัก เบาและเสมอกันสุดปลายมีดทำอย่างนี้ด้านละ 3-4 ครั้ง
- การใช้มีดให้คมนาน คือ อย่าใช้มีดหั่นของที่ร้อนจัดบ่อย ๆ เพราะจะทำให้มีดหมดความคมได้ง่ายเมื่อใช้เสร็จแล้วก็ต้องทำความสะอาดเช็ดให้ แห้งแล้วจึงเก็บเข้าที่
เพียงเท่านี้ ก็จะมีมีดคม ๆ ไว้ใช้ได้อีกนาน.
ที่มา  เดลินิวส์

สมุนไพรแก้คัน

หมอเขาแนะนำว่าไม่ควรเกาเวลาที่เกิดอาการคัน  เพราะยิ่งเกาก็ยิ่งกระจายทำให้เกิดอาการคันมากขึ้น  ทางที่ดีควรหายาแก้คันมาทาจะดีกว่าโดยอยู่ใกล้ตัวเรามีดังต่อไปนี้
ใบกระเพรา
กะเพราไม่ได้เกิดมาเพื่อเด้งดึ่งอยู่ในกระทะคู้กับ  หมู น้ำปลา  จนกลายเป็นผัดกระเพราเพียงอย่างเดียว  เวลาเกิดอาการคัน  ถ้าเราเอาใบกระเพราสดมาขยี้แรงๆ  จนละเอียดตรงบริเวณที่คันก็จะหายไป  แถมยังไม่มีตุ่มคันบวมหรือหนองขึ้นด้วย
พลู
วิธีใช้ใบพลูแก้คันทำไม่ยาก  แค่เอาพลู 3-4 ใบไปตำจนได้น้ำออกมา  เติมเหล้าขาวลงไปนิดหน่อย  จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำแล้วยกขึ้นชด  เอ๊ย! เอาไปทาแผล  ไม่นานอาการคันจะหายเป็นปลิดทิ้ง
ขมิ้นชัน
ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่ดีต่อผิวหนังอยู่แล้ว  สาวๆ  โบราณเข้าถึงได้เอามาทาผิวให้สวยเนียนจนท่านเจ้าคุณอยากสัมผัสยังไงล่ะ  และเวลาที่เกิดอาการคันถ้าเอาขมิ้นชันสดๆมาล้าง  ตำให้ละเอียดแล้วเอามาทาที่แผลก้จะช่วยให้หายคันได้อีกด้วย
ไพล
คนไทยเราไม่นึกถึงไพลเฉพาะเวลาที่ถูกเฆี่ยน  เวลาคันๆไพลก็มีประโยชน์เหมือนกัน  วิธีใช้ก็คล้ายๆขมิ้นคือต้องเอาเหง้าไพลไปตำหรือบดละเอียดผสมกับน้ำ  จะช่วยให้ผิวที่คันคะเยอปวดแสบปวดร้อยหายได้
ขอขอบคุณ
ที่มา นิตยาสาร Spicy

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

7 ข้อของการมีหุ่นที่ดี

อยากมีหุ่นดี ๆ ได้ไม่อยาก ไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วนให้เสียสุขภาพ 
1. ลองเขียนเหตุผลบนกระดาษ มาสัก 3 ข้อซิ ว่าทำไม คุณถึงต้องการจะลดน้ำหนัก 
หากว่าการลดน้ำหนัก มันสำคัญสำหรับคุณมาก คุณก็จะสามารถเขียนมันออกมาได้ ถ้าคุณยังยังไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม แสดงว่ามันยังไม่สำคัญกับคุณมากพอ คุณก็แค่จะลดไปงั้นแหละ ก็เผื่อว่าชั้นจะผอม ขอให้เขียนแบบจริงๆจังๆ และบอกถึงเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่เอาแบบ “ข้อที่หนึ่ง ชั้นไม่อยากตัวอ้วนเป็นหมูแบบนี้” นี่เป็นการบอกสิ่งที่คุณไม่ต้องการ ลองเอาแบบ “ข้อที่หนี่ง ชั้นอยากมีหุ่นเลิศ เฉิดฉายในชุดสีดำ ตอนวันคริสมาสในปีนี้” อย่างงี้
2. เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อในสิ่งที่คุณจะทำ 
บ่อยแค่ไหนที่มัวแตชม คนอื่นที่เค้าลดน้ำหนักแล้วสำเร็จ มัวแต่ไปชื่นชมคนอื่น หรือความสำเร็จ ของเขา ให้คิดทันทีว่า “ชั้นอยากจะทำอย่างนั้นได้บ้างจัง เมื่อเค้าทำได้ชั้นก็ต้องทำได้สิ” เราก็คนอ่ะนะ ก็ต้องคิดแบบนี้กันมั่ง อย่ามัวแต่ไปอิจฉาคนอื่น มัวจำกัดความสามารถของตัวเองล่ะ รู้มั้ยว่า เรื่องง่ายๆแบบนี้ใครๆก็ทำได้ คุณก็ทำได้ ถ้ามีความตั้งใจและมีเป้าหมายที่แน่นอน
3. สังเกตตัวเอง ดูซิว่าอะไรที่ทำให้คุณกินแบบหยุดไม่อยู่ 
ถ้าเป็นสถานที่ เวลา อารมณ์ หรือคนที่อยู่ด้วยแล้วล่ะก็ ดูสิว่า มันเป็นที่ทำงาน ที่บ้าน ในวันหยุด ตอนกลางคืน ตอนอยู่กับใครหรืออยู่เหงาอยู่คนเดียว คิดแล้วก็ถามตัวเอง เพราะคำตอบก็อยู่ในคำถามนั่นแหล่ะ พอพบคำตอบแล้วก็อย่าลืมพยายามหลีกเลี่ยงมันซะ ก็พยายามยับยั้งชั่งใจ อย่าปล่อยปากไปกับสถานะการ พอถึงเวลาที่จะต้องอยู่ในสถานะการเหล่านั้น ให้ท่องเหตุผล 3 ข้อ (ที่ให้คุณเขียนไปแล้วตั้งแต่ข้อที่ 1) มาดังๆในใจ อาจจะช่วยลดอาการตามใจปากของคุณได้
4. ค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน 
คุณมีเวลาเกือบปีในการลดน้ำหนัก อย่าคิดว่า “โอ้ยเหลือเวลาตั้งมาก” แบบนี้ไม่เอา ถ้าให้คุณเลือกลดน้ำหนักภายใน 3 เดือนโดยการอดอาหารแบบทรมาณมากจนในที่สุดก็ต้องล้มเลิก หรือค่อยๆลดค่อยๆเป็นไปเอาสัก ให้ลดลงเดือนละ 1กิโล โดยการค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร แบบจริงๆจังๆ อันนี้จะทำให้เห็นผลดีที่สุด…ขอบอก ค่อยๆเปลี่ยนของในตู้เย็นเป็นของแบบ low fat แล้วผักผลไม้เข้าไปเยอะๆ ด้วย พวกขนมจุกจิกเนี่ยะ โละออกให้หมด หาอาหารเพื่อสุขภาพเข้ามาเพิ่มทุกๆ วัน จำไว้ว่า เรากินอะไรไปก็ได้อย่างนั้นแหละ
5. ลดปริมาณอาหารลง 
คุณต้องพยายามควบคุมปริมาณอาหารที่กินให้ได้นั่นเอง จริงๆแล้ว ที่น้ำหนักคุณมากอย่างเงี้ย ก็เพราะกินมากนั่นแหล่ะ อย่างบางที คิดว่ากินสลัดไม่อ้วนหรอก แต่ก็กินซะจานมโหระทึกเลย จะลดลงได้งั้ย เวลารับประทานขอให้ดูที่ปริมาณด้วย ลดมันลงมั่ง ลองใช้จานที่เล็กลงหน่อย ชั่งน้ำหนักอาหารก่อนกินถ้าทำได้ จะได้รู้น้ำหนักที่อาหารที่เรากินเป็นประจำ และรู้ว่าเรากินไปขนาดไหนแล้ว
6. กินน้ำอย่างน้อย 1 ลิตรต่อวัน 
น้ำไม่ได้ทำให้คุณอิ่มหรอกนะ แต่มันช่วยให้ตับไตคุณทำงานดีขึ้นต่างหาก แล้วยังบำรุงผิวอีก การเสียน้ำทำให้คุณไม่สดชื่น การเผาผลาญแคลอรี่ต่ำลง สมาธิกับความจำ ก็จะสั้นลงด้วย เอ้า..ลุกไปกินน้ำซะหน่อย
7. ทานมื้อเช้าทุกวัน 
การอดข้าวเช้า ร่างกายจะส่งสัญญาณว่า คุณรู้สึกหิวแทบบ้า เพราะไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องมาหลายชั่วโมงแล้ว เมื่อรับประทานมื้อกลางวัน ก็จะทำให้คุณรับประทานเข้าไปมากเกินมื้อปกติ การอดอาหารมื้อเช้า จะทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายเราจะทำงานช้าลงด้วย ทำให้เป็นคนอ้วนง่าย

อาหารเพื่อผิวพรรณ

ผิวอักเสบ  สิว  ผิวแห้ง  โรคผิวหนังเรื้อรัง  สามารถดูแลรักษาและป้องกันได้ด้วยอาหารที่เลือกสรรกินเป็นประจำนอกจากนี้  อาหารบางชนิดยังช่วยให้ผิวพรรณให้มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย
รู้มั้ยว่าอาหารที่เรากินกันนั้นมีสารอาหารที่จะช่วยป้องกันริ้วรอย  จุดด่างดำ  กระ  ฝ้าบนใบหน้า  และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงในการต่อต้านโรคผิวหนังอักเสบหรือเริม ได้ด้วย
ความวามมาจากภายใน  การกินอาหารที่มีประโยชน์  ก็สามารถช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์หากมีการอักเสบเพียงเล็กน้อยในร่างกาย ก็ทำให้ผิวแก้ก่อนวัยได้  ดังนั้น  เราจึงควรกินไขมันชนิดดีและกินน้ำตาลให้น้อยลง  นอกจานี้ก็ยังขึ้นอยู่กับลักษณะส่วนตัวของแต่ละบุคคลนั่นคือ  ผิวไหม้แดดเร็วไหม  ผิวคุณแห้งหรือเป็นสิวง่ายไหม  หรือคุณเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง  โรคเรื้อนกวาง  ผิวอักเสบหรือว่าเริม
อาหาร…หยุดสิว
คนที่มักเป็นสิว  ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันมากเกินไปเพราะมันจะไปกระตุ้นต่อมไขมัน  โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์จะไปทำให้กระบวนการอักเสบของผิวเป็นมากขึ้น  และจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า  การดื่มนมสามารถทำให้สิวโผล่ขึ้นมาได้เพราะจากการทดลองกับอาสาสมัครโดยการ ให้กินนมทุกวัน  ปรากฏว่าเพิ่มความเสี่ยงของสิว 22% นักวิจัยเชื่อว่าฮอร์โมนในนมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว  นอกจากนี้  ช็อกโกแลต  ขนามหวานๆ  มันฝลั่งทอด  หรือพิชซ่าที่คาดว่าเป็นตัวการทำลายผิวนั้นก็ยังโต้แย้งกันอยู่  แต่ที่ดีที่สุดคิอการกินอาหารที่มีประโยชน์  อาหารที่สำคัญสำหรับผิวที่เป็นสิวคือวิตามินอี  (เช่น ข้าวกล้อง  ถั่ว  พริกหวาน)  สังกะสี (เช่น  ข้าวโอ๊ด  โกโก้)  และชีลีเนียม (เช่น ปลา ไข่)
โรคผิวหนัง  Rosacea  เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งมีอาการผื่นแดงบริเวณส่วนกลางของใบหน้า  เส้นเลือดจะขยาย  และอาจเกิดผื่นนูนแดงได้  หากเป็นนานๆ  ที่บริเวณจมูกจะทำให้จมูกโต  ไม่พบมานักในคนไทย  รักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือถ้าเส้นเลือดขยายมากอาจรักษาด้วยเลเชอร์  คนที่เป็นโรคนี้ควรหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่ทำให้เกิดปัญหาที่ผิว  เช่น  แสงแดด  ความร้อน  แอลกฮอล์  เครื่องดื่มร้อนๆ  อาหารรสเผ็ด  เพราะจะทำให้กระตุ้นให้เกิดอาการผื่นแดงขึ้นได้  คุณควรพยายามสังเกตตัวเองว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผิวผื่นแดงข้อเสนอ แนะนำคือ  ลองเข้าคอร์สไดเอ็ด  อาจช่วยให้โรคนี้ดีขึ้นได้
โรคสะเก็ดเงิน  ชาวเอสกิโมรู้จักโรคนี้ดีเพราะมีอาการคันหรือพุพองเป็นตุ่มใส  มักเป้นบริเวณข้อศอกหลัง  เข่า  มือ  โรคนี้จะไม่เกิดเมื่อชาวเอสกิโมกินอาหารพื้นเมือง  เช่นกินปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3  และจากการศึกษาของนักวิขาการได้ยืนยันว่า  การกินกรด Alpha Linolenic (เช่น น้ำมันฝ้าย)  จะช่วยบรรเทาโรคนี้ได้  เช่น  วันหนึ่งๆ  ควรที่จะกินกรด Linolenic  1 กรัม  น้ำมันปลา 1.5 กรัม  เป็นประจำสม่ำเสมออาหารที่ต้องระวังคือ  เนื้อหมู  ไส้กรอก  อาหารรสเผ็ดและแอลกฮอล์  เพราะอาหารเล่านี้จะกระตุ้นให้โรคกำเริบได้
เริม  แสงแดด  ความเครียด  หวัด  ทำให้เกิดเริมที่ริมฝีปาก  เพราะเกือบ 90 % ของผู้ใหญ่มีไวรัสเริมหากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ  ไวรัสก็จะแสดงฤทธ์เดชขึ้นมาผู้ที่เป็นเริมควรกินอาหารที่มีวิตามินซีมากๆ  เช่นผักและผลไม้  ก็จะป้องกันโรคเริมได้  เพราะวิตามินซีช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง  จากการศึกษาพบว่าการกินวิตามินซีครั้งละ 3 ครั้ง  ครั้งละ 600 มิลลิกรัมก็จะทำให้เริมที่ก่อตัวหายได้เร็วขึ้น  แต่การกินโปรตีน  Arginine  จะทำให้ไวรัสเพิ่มขึ้นเร็ว  โปรตีน  Arginine   มีอยู่ในถั่ว  ซ้อกโกแลต  วุ้น  และลุกเกด  จึงควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว  ส่วนอาหารที่ทำให้ไวรัสอ่อนแอ ก็คือ  ปลา ไข่ นม  สัตว์ปีก  มันฝรั่ง  และผลไม้เปลือกแข็ง
ผิวแห้ง  คนที่มีผิวแห้งและอยากถนอมผิวให้นุ่มนวลอยู่เสมอควรดูแลจากภายในและควรกินไข มันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  ควรใส่ใจกันกรดโอเมก้า-3 และ6 หากผิวแห้งมาก  ควรกินกรด  Linolenic  ซึ่งมีความสำคัญต่อผิว  และอย่าลืมรักษาความชุ่มชื้นของผิว  เช่น  กรดอะมีโน  Arginine  ซึ่งมีมากในถั่วลิสง  รำข้าวสาลี  และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง
ผิวสุขภาพดี  จาการศึกษาของมหาวิทยาลัย Monash  โนเมลเบิร์น  ประเทศออสเตเรียพบว่าคนที่กินปลาบ่อย  กินน้ำมันพืชและกินผักอย่างเพียงพอ  มีริ้วรอยน้อยกว่าคนในวัยเดียวกันซึ่งชอบกินเนื้อสัตว์  กินน้ำตาลและเนยมาก  นอกจากนี้กินผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองซึ่งมีไฟโตเจนก็จะช่วยยับยั้งไม่ให้ผิวแก่ เร็ว  เพราะการศึกษาวงการแพทย์พบว่าเกือบทุกกระบวนการความชราในร่างกายทั้ง ผิวหนัง  มีผลมาจากการอักเสบ  เล็กๆ น้อยๆ   ซึ่งส่งผลให้เลือดตีบตัน  ทำให้สารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ  ได้ไม่ดีทำให้ผิวอ่อนหล้า
กันแดดจากธรรมชาติ  ในฤดูร้อนผิวต้องการปกป้องเป็นพิเศษ  และเราก็สามารถหาได้จากการกินซึ่งปกป้องผิวได้ส่วนหนึ่งพร้อมกับการใช้ ผลิตภัณฑ์กันแดดควบคู่กันไปด้วย  อาหารที่ปกป้องผิวคือ  ไลโคปีนจากมะเขือเทศวันละ 20 กรัม  ไลโคปีนจากแตงโม  หรือเบต้าเคโรทีนวันละ 20 กรัมจากแครอตและผักโขม  ส่วนผู้ที่มีผิวค่อนข้างขาวกินผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวด้วย  แต่ไม่ควรกินของหวานเพราะจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากยิ่งขึ้น  ส่วนคนที่เป้นกระ  จุดด่างดำง่าย  ควรกินวิตามินซี  ให้มาก  เช่น ส้ม กีวี  เพราะมันจะช่วยให้การผลิตเมลานิน เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ  ซึ่งจะทำให้เกิด กระ จุดด่างดำได้น้องลง
อาหารที่ช่วยดักจับอนุมูลอิสระ  ผักผลไม้ 10 อย่างดังต่อไปนี้เป็นอาหารดปรดของผิว เช่น ผักโขม  พริกหวานสีแดง   พริกชี้ฟ้า  หัวหอมใหญ่  เกรฟฟรุต  เห็ด  มะเขือม่วง  แอปเปิ้ล  ส้ม และหน่อๆไม้ฝรั่ง
อาหารที่ทำร้ายผิว
อาหารที่มีกรด  Atschidonic จะทำให้ผิวอักเสบ  เช่น  ตับหมู  นำมันหมู  ตับลุกวัว  ไข่แดง  หมูแฮม  ตับวัว  ตับบด
ยอดน้ำมันพืช  นำมันฝ้าย  มีกรดโอเมก้า-3 มากที่สุดรองลงมาก็คือ  น้ำมันวอลนัต  น้ำมันปอ  น้ำมันถั่วเหลือง  น้ำมันข้าวสาลี  น้ำมันมะกอก  น้ำมันถั่วลิสง  น้ำมันข้าวโพด  น้ำมันงา เป็นต้น
ขอขอบคุณ  : นิตยสาร Lisa

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีการจัดสวนถาด

การจัดสวยถาด  คือการทำต้นไม้ในร่มพันธ์  แคระมาจักสวนขนาดจิ๋วลงในถาดขนาดพอเหมาะ  เพื่อตั้งประดับตกแต่งในอาคาร  หรือโต๊ะทำงาน  โดยมากต้นไม้ที่นิยมนำมาจัดมักจะเป็นต้นไม้มงคลชนิดต่างๆ  ส่วนขั้นตอนนั้นก็สุดแสนจะง่าย   อาศัยเพียงความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคล  ในส่วนของวัสดุที่ใช้ในการทำนั้นก็สามารถหาได้ในท้องตลาดแถมพอทำแล้วกำไรดี ซะด้วย  ถ้าสนใจลองทำแล้วจะรู้ว่าสามารถทำได้ง่ายจริงๆ
วัสดุอุปกรณ์การทำประกอบด้วย
  1. ถาดเซรามิกหรือดินเผา
  2. ต้นไม้ในร่ม  เช่น  เฟิร์นผักชี, แพญี่ปุ่น, ราชินีเงิน, กนกนารีบูล, กุหลาบหินใบฝอย เป็นต้น
  3. ทราย
  4. หิน, หินกรวด, ขอนไม้
  5. กระบอกฉีดน้ำ
  6. คีมปากกาแหลม
ขั้นตอนการจัดสวนถาด
  1. นำทรายใส่ลงในถาดแล้วใช้กระบอกฉีดน้ำ  ฉีดให้ชุ่มพอดี
  2. จากนั้นนำต้นไม้ขนาดใหญ่ลงปลูก  โดยการขุดทรายให้เป็นหลุมลึกพอกลบรากต้นใม้ได้
  3. พอปลูกต้นไม้ใหญ่เสร็จ  ตามด้วยต้นไม้ขนาดกลาง
  4. เสร็จแล้ววางหินขนาดต่างๆ  ตามแบบที่วางไว้
  5. แล้วตามด้วยต้นไม้ขนาดเล็ก  จัดตามความชอบ  ความต้องการของลูกค้า
  6. จากนั้นนำต้นไม้ประเภทคลุมพื้น  มาคลุมพื้นทรายบริเวณที่ไม่ได้ปลูกต้นไม้ให้เต็ม
  7. เสร็จแล้วโรยหินกรวดตกแต่งให้สวยงาม
“การจัดสวนถาดจะต้องวางต้นไม้ในถาดให้มีทั้งขนาดใหญ่  ขนาดกลาง  และขนาดเล็ก  ซึ่งจะช่วยให้สวนถาดเกิดความสมดุลแลดูสวยงามมาขึ้น  สำหรับแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้สามารถซื้อได้ที่จตุจักร  ผู้สนใจเข้าร่วมรับการฝึกอบรมติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่  ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานกรุงเทพมหานคร  โทรศัพท์  0-2390-0261-4
 ที่มา  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

รู้เรื่องจริงของสิว

แม้ “สิว” เป็นเรื่องธรรมชาติแต่อาจทิ้งร่องรอยไม่พึงปรารถณากาดรักษาไม่ถูกวิธี
ความรู้เบื้องต้น
“สิว”  เป็นโรคที่เกี่ยวกับต่อมไข่มันอุดตันและรูขุมขน  มักเกิดบริเวณใบหน้า  หลัง  หน้าอก  ส่วนใหญ่เริ่มเป็นตั้งแต่วันรุ่นและกินระยะประมาณ 8-14 ปี  โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงของต่อมรูขุมขนอันเป็นสาเหตุให้เกิดสิวดังนี้
  1. มีการเพิ่มบริเวณน้ำมันจากรูขุมขน
  2. ท่อรูขุมขนอุดตัน
  3. แบททีเรียบริเวณนี้ทำงานมากเกินไป
  4. มีการอักเสบ
ผลที่ตาม
การแกะและรบกวนสิวอยู่เสมอทำให้เกิดริวรอยรอยแดงหรือรอยดำ  ข้อแนะนำคือ  พยายามอย่าไปรบกวนบริเวณที่เป็นสิว  ถ้ารู้สึกเจ็บหรือรำคาญควรใช้ยาทาหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญ
ริ้วรอย-รอยดำจากสิวสามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ  ซึ่งโดยปกติใช้เวลานาน 3-4 เดือน  หากต้องการให้หายเร็วขึ้น  อาจต้องใช้ยาหรือครีมที่มีส่วนผสมของซะเอมเทศ  วิตามินเอ  กรดอาซีลาอิก (Azelaic  Acid)  และการทำเลเซอร์ IPL ซึ่งมีคลื่นแสงเหมาะสมกับการกำจัดรอยแดง-รอยดำ
ส่วนหลุมสิวเกิดจากสิวอุดตันที่เป็นอยู่นานโดยไม่ได้เอาหัวสิวออก  ทำให้รูขุมขนด้านล่างฐานกว้างขึ้นและกล่ยเป็นหลุม  บางรายเกิดการสัมผัสบ่อยๆจนอักเสบเป็นหนองอาจมีเชื้อแบททีเรียเข้าไปทำลาย เนื้อเยื้ยชั้นใต้ผิวหนัง (Collagen) เมื่อเนื้อเยื่ยชั้นใต้ผิวหนังถูกทำลายจึงทำให้แผลเป็นหลุม
ทางออก
-          ห้ามสัมผัสหรือแกะเกา  เพราะเชื้อโรคจะเข้าไปถึงสิวอุดตันง่ายขึ้นและเม็ดเลือดขาวจะเข้าทำลายเชื้อ แบททีเรียนั้น  ทำให้อักเสบและเกิดแผลเป้นหรือริ้วรอยในภายหลัง
-          พักผ่อนให้เพียวพอ  หลีกเลี่ยงจากความเครียด  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนๆ  โดยสัมผัสผิวหน้าอย่างเบามือ
-          ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ผู้เชียวชาญทางผิวหนัง  เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม
คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชียวชาญ
นายแพทย์สุรพล  ลิขิตวัฒนานุรักษ์  แนะนำว่า “สิวเป็นเรื่องธรรมชาติ  สามารถหายเองได้  แต่ทั้งนี้ต้องไม่มีการแกะเกาสิวซึ่งทำให้เกิดรอยแผลเป็นหลุมสิว  เมื่อเกิดริ้วรอยและหลุมสิว  เมื่อเกิดสิวริ้วรอยและหลุมสิว  สามารถใช้เทตโนโลยี Fine Scan 1550 ที่เหมาะสำหรับแผลเป็น  จากหลุมสิวและผู้มีรูขุมขนกว้าง  เครื่องนี้ทำงานโดยส่งแสงเลเซอร์ผ่านทะลุผิวหนังกำพร้าลึกลงไปถึงชั้น ผิวหนังในระดับลึก  จึงมีแผลเล็กๆ  ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเกิดขึ้น  เมื่อผิวหนังเกิดการซ่อมแซมแผลเล็กเหล่านี้  รวมถึงมีการซ่อมแซมแผลเป็นหลุมสิวเก่าด้วย  แผลเป็นหลุม  หลุมสิวจึงได้รับการฟื้นฟูสภาพให้กลับมามีสุขภาพดีขึ้น”

ขอขอบคุณ  ที่มา  นิตยสาร SHAPE

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

ว่าที่คุณแม่กับความเลี่ยง

ผู้หญิงทุกคนเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภื  แม้จะไม่ใช่ครรภ์แรกก็อดกังวลไม่ได้ว่า  การตั้งครรภ์ครั้งนี้จะมีความเสี่ยงไหม  เป็นคำถามที่เกิดขึ้นได้และคำตอบนั้นก็เป็นเพียงการคาดคะเน
                ตลอด 9 เดือนของการตั้งครรภ์  ว่าที่คุณแม่อาจต้องพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ  มากมาย  ซึ่งหลายเหตุการณ์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์  แต่บางครั้งความวิตกกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง  ไม่ใช้เรื่องที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ในขณะนี้เพราะระหว่างตั้งครรภ์ ความเครียดและสิ่งที่คุณแม่เป็น  จะเชื่อมต่อสายสัมพันธ์ไปยังลูกน้อย
                ดังนั้น  การพิจารณา “ความเสี่ยง” ด้วยสติ  เป็นคำตอบที่ดีกว่า  สำหรับคุณแม่ทุกคนเริ่มต้นที่มาพิจารณาดูว่า  ขณะนี้คุณมีความเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่
  • ป่วยด้วยโรคเบาหวาน
  • ตรวจพบโรคผิวหนัง
  • มีความผิดปกติของเลือด
  • ป่วยด้วยโรคหัวใจ ตับ  ไต
  • เป็นการตั้งครรภ์ฝาแฝด  แฝดสาม  หรือมากกว่านั้น
  • ลูกคนก่อนมีความผิดปกติจากการคลอด
  • มีประวัติการแท้งลูก
  • มดลูกมีรูปร่างผิดปกติ
  • เป็นโรคลมชัก
  • มีการติดเชี้อบางอย่าง
  • มีการตกเลือด
             ถ้ามีปัจจัยต่างๆ  เหล่านี้  คุณมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง  และการตั้งครรภ์ครั้งนี้  ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างไกล้ชิด  คุณควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยงชาญเฉพาะด้าน
การเลือกแพทย์เพื่อฝากครรภ์ในกรณีนี้  อาจต้องพิจารณาด้วยคำถาม  หลักๆ  คือ
  • คุณรู้สึกสบายใจและมีความมั่นใจในตัวแพทย์  คุณต้องรู้สึกไว้วางใจและรู้สึกสบายในในตัวแพทย์ที่คุณเลือก  รวมถึงกลุ่มบุคคลที่ทำงานด้านนี้  คุณมีอิสระที่จะถามในสิ่งที่คุณกังวลหรือไม่อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องจำไว้  คือ  บุคลิกภาพโดยทั่วไปของคุณเข้ากันได้ดีกับปรัชญาการทำงานของคุณหมอหรือไม่  เช่น  ผู้หญิงบางคนชอบแนวการคลอดแบบธรรมชาติ  ไม่ชอบเทคโนโลยีมากมายเพื่อการดูแลชาวงก่อนคลอด  ในชณะที่บางคนต้องการให้แพทย์ทำการตรวจวินิจทุกระยะทุกอย่างก้าสว  ประวิติการรักาและประวัติทางสูตินารีเวชของคุณมีอิทธิพลต่อแนวความคิดเกี่ยว กับการตั้งครรภ์ของคุณ
  • จำนวนแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำคลอด  คุณอาจตัดสินใจเลือกระหว่าแพทย์ที่ทำงานกันเป็นทีมหรือแพทย์ที่ปฎิบัติงานเพียงลำพัง
  • ถามแพทย์เกี่ยวกับนโยบายการทำงานกรณีที่เป็นเหตการณ์ฉุกเฉิน  รวมถึงถามคำถามที่คุณต้องการทราบทางโทรศัพท์ในชาวงเวลาเย็นหรือวันหยุด
  • ลักษณะของโรงพยาบาล  ถ้าครรภ์ของคุณไม่มีปัญหา  โรงพยาบาลหรือศูนย์ที่ทำคลอดดีๆ  สักหน่อยก็ถือว่าเหมาะสม  แต่ถ้าคุณมีปัญหาความเสี่ยง  คุณอาจต้องเลือกโรงพยาบาลที่ดีสักหน่อยซึ่งมีพยาบาลพร้อมที่จะรับมือกับ ปัญหาที่เกิดขึ้น  เช่น  ทารกคลอดก่อนกำหนด  โดยพิจาณาว่า
- กรณีฉุกเฉิน  สามารถเรียกวิสัญญีแพทย์ได้ทันที  หรือตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่
-  โรงพยาบาลมีการควบคุมความเจ็บปวดระหว่างคลอดหรือไม่  ถ้าไม่มีการว่างยาสลบ  หรือคุณไม่สนมจยาสลบ  คุณน่าจะได้มองหาทางเลือดอื่นที่ลดความความเจ็บปวดระหว่างคลอด
- ภายหลังการคลอด  คุณสามารถเช้าไปดูลูกได้บ่อยเท่านี้ต้องการหรือไม่  โรงพยาบาลจัดที่พักไว้สำหรับคุณพ่อในช่วงหลังคลอดหรือไม่
  • มีผู้เชียวชาญให้การดูแลใกล้ชิดหรือไม่  กรณีที่คุณต้องการได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านแม่และเด็ก  หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือเด็กทารกที่มี ปัญหาการให้ยาทางที่ดีแพทย์จะต้องส่งคนไข้ไปยังผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้โดย ทันทีที่มีอะไรเกิดขึ้น
                      อย่างไรก็ตามแม้ปัจจัยต่างๆ  ที่กล่าวมาข้างต้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ของคุณ  แต่คุณไม่ควรกังวลมากเกินไป  เพียงแค่ต้องวางแผนเพิ่มในการเลือกแพทย์และโรงพยาบาลเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน  และเมื่อคุณฝากครรภ์แล้ว  แพทย์จะดูแลคุรเป็นอย่างดี  และคอยให้คำแนะนำคุณตลอดกาตั้งครรภ์
                ที่มา : นิตยสารใกล้หมอ

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

การช่วยไม่ให้ลืมง่ายๆ

การช่วยไม่ให้ลืมง่ายๆ
ไม่มีใครอยากเป็นคนที่ขี้ลืม  แต่ถ้าคุณมีนิสัยนี้ไปแล้ววิธีแก้ลืมต่อไปนี้ช่วยคุณได้
  1. 1. ตั้งสมาธิ  เวลาทำอะไรควรจะจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น  ตั้งสติให้ดี  บอกตัวเองว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ทุกๆ  ขั้นตอน  ทีนี้ถึงจะมีโทรศัพท์เข้ามาหรือมีใครมาขัดจังหวะ  คุณก็จะยังจำได้ว่าเมื่อกี้กำลังทำอะไร  เอาของวางที่ไหน
  2. จดให้หมด  คนขี้ลืมได้ทุกอย่าง  ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นของเล็กๆ  น้อยๆ  หรือชิ้นใหญ่ สาวๆ  จึงต้องจดทุกอย่างที่ต้องที่ต้องทำลงสมุดประจำวันตัวให้หมด  แล้วหยิบขึ้นมาดูบ่อยๆ  ข้อความในนั้นจะได้ซึมเข้าสมอง  ช่วยให้จำได้ไปเอง
  3. ฝึกนั่งสมาธิ  เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด  สาเหตุของอาการขี้ลืมส่วนใหญ่จะมาจากการไม่มีสติแต่ถ้าฝึกนั่นสมาธิเรียกสติ ทุกๆ  วัน  ไม่ต้องมากแค่วันละ 15 นาที  ไม่นานคุณจะมีความจำดีเป็นคนละคนเลย
  4. อ่านออกเสียง  ก็สมุดโน้ตที่คุณจดทุกอย่างลงไปนั้นล่ะ  บางทีการอ่านผ่านตาอย่างเดียว  ถ้าไม่ตั้งใจ  ไม่มีสติ  ข้อมูลก็อาจจะไม่เข้าไปสมอง  คุณจึงต้องอ่านแบบออกเสียงดังๆ ด้วย  วิธีเป็นการช่วยจำที่ตรงไปตรงมาที่สุดเหมือนสมัยเราเด็กๆ  เราก็เรียน  ก.ไก่  ข.ไข่
  5. หาคนมาเตือน  ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็เล่าให้เพื่อนสนิท  พ่อแม่  น้อง  หรือแฟนฟัง  แล้วให้ให้เขาช่วยเตือนคุณ  แต่ถ้าเป็นเรื่องงานก็อาจต้องให้เพื่อนๆ  ในบริษัทนั่นล่ะช่วยทวนความจำให้ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของวิธีนี้คือเวลาที่คุณ เล่าให้ฟังก็เท่ากับคุณกำลังอ่านเรื่องนี้ออกมาดังๆ  สมองคุณจะบันทึกมันเอาไว้  และจำได้ไปด้วย  ดีไม่ดีอาจจะไม่ต้องให้เพื่อนเตือนเลยด้วยซ้ำ
ขอขอบคุณ  ที่มา : นิตยาสาร Spicy

แก้โรคซึมเศร้าแบบไม่เสียสตางค์

ไม่นานมานี้มีผลสำรวจจากกรมสุขภาพจิตว่าคนไทยในปัจจุบันมีอาการโรคซึม เศร้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  วันนี้ผมจึงมีเรื่องของผู้ที่มาปรึกษาท่านหนึ่งซึ่งเคยเป็นโรคซึมเศร้า  แต่หายได้ด้วยการคิดเชิงบวกนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง
ท่านผู้นี้เคยเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิตมาหลายครั้ง  จนเขารู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง  เริ่มเก็บตัวเงียบๆ  ไม่ยุ่งกับใคร  มีความรู้สึกหลัวสังคม  เริ่มโทษตัวเองต่างๆนานา  และในที่สุดก็มองตัวเองเป็นคนไร้ค่า  คิดจะทำร้ายตัวเอง  เมื่อครอบครัวถามว่าเป็นอะไร  เขาก็บอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า  พอถามว่ารู้สึกอย่างไร  เขาว่าเคยอ่านเจอในหนังสือซึ่งเขียนถึงอาการเขาทั้งหมด
จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อมาเยี่ยมที่บ้าน  แต่เขาไม่ยอมลงไปพบให้ภรรยาบอกเพื่อนว่าไม่สบาย  ด้วยความเป็นห่วง  เพื่อคนนี้ตัดสินใจขึ้นไปเยี่ยมเขาถึงห้องนอน  สภาพในห้องทั้งสกปรกทั้งมืด  แถมยังปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้สกปรกอีกด้วย  เข้าเปลี่ยนไปจนเพื่อนแทบจำไม่ได้  และไม่ยอมคุยกับเพื่อน  จนในที่สุดเพื่อนก็ทนไม่ไหวต้องกลับไป
จนวัยรุ่งขึ้นสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น  ทำให้เขาหายจากอากาศซึมเศร้านั่นคือ  อยู่ๆเพื่อนคนเดิมก็กลับมาหาเขาอีกครั้งและถามว่าเป็นอะไรเข้าตอบว่า  เป็นโรคซึมเศร้า “แจ๋ว”  เพื่ออุทานขึ้น  เดินอ้อมไปด้านหลังเขาแล้วตบหัวเขาอย่างแรงสองที  เขาตกใจมาก  ด้วยความโมโหจึงโวยวายใส่เพื่อนว่า “แกตบฉันทำไมว่ะ!” เพื่อก็ถามตอบว่า “อ้าวไหนแกบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้าไงวะ”  เขาตอบกลับ “ไม่เศร้าแล้ว  แต่จะไล่แตะแกแทน”
หลังจากนั้นเขาก็หายจากอากาศซึมเศร้าทันที  ไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกตบ  แต่เหตุการณ์นั้นทำให้เขาได้ตระหนักว่า  จริงๆแล้วในตัวเขานั้นยังมีอารมณ์อื่นๆอีก นอกจากอารมณ์ซึมเศร้าแล้ว  เขายังโกรธได้  เกลียดได้แต่เพราะเขามัวแต่เอาความสนใจทั้งหมดไปจดจ่ออยู่กับอารมณ์เศร้าที่ เกิดขึ้น  ทั้งๆที่ในชีวิตเคยเศร้ามาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง  แถมยังทะลึ่งมารู้ว่าโรคซึมเศร้าเป็นยังไงอีก
เห็นไหมครับว่า  ความคิดของเรานั้นมีอิทธิพลต่อร่างกายและจิตใจแค่ไหน  หากท่าเชื่ออยู่เสมอว่าป่วยเป็นโรคโน้นโรคนี้  ท่านก็มักจะป่วยอยู่ตลอดเวลา  เพราะฉะนั้นควรที่จะคิดในเชิงบวกเข้าไว้จิตใจคนเราสำคัญยิ่ง
ขอขอบคุณ : นิตยาสาร HEALTH CUISINE

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

7 เรื่องน่ารู้ก่อนที่จะ “เมคอัพ”

1.ไม่ทาเมคอัพลงบนหน้าสกปรก  ความเข้มข้นของเครื่องสำอางจะไปปิดรูขุมขนเอาไว้  ทำให้ออกซิเจนผ่านไม่ได้  สิ่งสกปรกที่เกาะบนใบหน้าจึงอุดตันอยู่ในรูขุมขนกลายเป็นสิวเม็ดแป้งที่คุณ ไม่ต้องการ
2.ไม่ใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่นไม่ว่าจะสนิดกันแค่ไหน  เพื่อไม่ให้เชื่อโรคจากเพื่อนรักปนมากับเครื่องสำอางแล้วมาติดคุณได้
3. ไม่ใช้เครื่องสำอางตัวอย่างที่ตั้งไว้ให้ลองฟรีๆ  ตามบูธเครื่องสำอาง  เพราะนั้นคือแหล่งเชื้อโรคจากผู้หญิงแปลกหน้าอีกนับร้อย  เฉพาะแค่แปรงปัดแก้มที่ไม่เคยล้างเลยมาเป็นเดือน ๆ อันเดียวก้อาจจะทำให้สิวเห่อไปทั้งหน้าเลยก็ว่าได้
4. ไม่แต่งหน้าทันทีที่ตื่นนอน  เพราะระหว่างที่เราหลับจะมีน้ำมาคั่งอยู่บน  เปลือกตาจนตาบวมและผิวบริเวณนี้ก็จะบางกว่าปกติ  สาวๆจึงควรรอสักครึ่งชั่วโมงให้เปลือกตายุบเสียก่อน  แล้วค่อยลงมือเติมสวยให้เต็มที่
5. ไม่ทามาสคาร่าชนิดที่เขียนว่ามีไฟเบอร์เป็นส่วนผสม  ถ้าคุณใส่คอมเท็คเลนส์เพราะไฟเบอร์อาจะทำปฏิกิริยากับเลนส์  ทำให้ถอดไม่ออกหรือมีสารละลายเข้าไปในตา
6. ไม่เติมอะรแม้น้ำลงไปในเครื่องสำอางเวลามาสคาร่าเหลือติดก้นขวด  แม่นางประหยัดบางคนอาจจะเติมน้ำอุ่นลงไปเพื่อให้มาสคาร่าละลายแล้วใช้ต่อ  แต่นี้เป็นวิธีการที่จะทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้ดีขึ้น  ยกเว้นน้ำของคุณจะต้มเดือดมาใหม่ๆ  ถึงจะไว้ใจได้
7. ไม่ใช้เมคอัพทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับตาเวลาอยู่ในรถ  ไม่ว่าจะเป็นอายแซโดว์  มาสคาร่า  ดินสอเขียนขอบตา  หรือที่ดัดขนตา  ถ้ารถเกิดเบรกกะทันหันอุปกรณ์พวกนี้อาจจะแทงเข้าไปในตาสวยๆ  ของคุณแล้วคุณจะหลับทันไหมล่ะ


 ขอขอบคุณ  สาระดีๆ  จาก นิตยาสาร Spicy

3 วิธีสร้างงานดี มีความสุขแบบชาว Google.com

ทำงานอยู่ Google  ฟังดูดี๊ดี  แต่เอาเข้าจริงแล้วชีวิตของพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากเราๆ  ท่านๆ หรอกครับมาดูกันว่าพวกเขารับมืองานหนักได้อย่างไร  อะไรช่วยเสริมสร้างสุขในชีวิตการทำงาน
                1.เลือกที่จะมีความสุขกับงาน  ใครๆ  ก้อยากให้คนที่ทำงานกับเราเป็นคนที่ดีที่สุดทั้งนั้น  แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ  ดังนั้นจงทำงานที่คุณรัก  หลีกเลี่ยงพวกคิดลบและกอสสิปเกิร์ลทั้งหลาย  มองหาเพื่อนร่วมงานที่พอจะใช้เวลาร่วมกันได้บ้าง  แค่นี้ก็พบกับความสุขและสันติในที่ทำงานแล้ว               
               2. รับปากสิ่งที่ทำได้จริง  หนึ่งในประเด็นที่ทำให้งานกลายเป็นเรื่องเครียดและไร้สุขก็คือ  การรักษาสัญญาผู้คนมากมายให้เวลาที่มากกว่าในการขอโทษและเครียดที่ทำไม่ได้ ตามที่รับปากเอาไว้ทั้งที่พยายามอย่างที่สุดชีวิตแล้ว  ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนแล้วล่ะครับ  เริ่มจากเรียนรู้ศักยภาพของตัวเอง  อย่ารักปากในสิ่งที่ทำไม่ได้  ถ้างานโหลดเกินกำลังและเวลารับปรึกษาหัวหน้าก่อน
                3. ความขัดแย้งคือเพื่อน  คนส่วนใหญ่ไม่ชอบความยัดแย้ง  นั่นเพราะยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมัน  ความคิดต่างและขัดแย้งกันนั้นที่แท้จริงนั้นมีประโยชน์มากในการทำงาน  ช่วยปรับทัศนคติของคนทำงาน  สร้างความชัดเจนในเนื้องาน  ช่วยให้เกิดไอเดียต่อยอด ฯลฯ  ดังนั้นอย่ารังเกียจหรือกลัวความขัดแย้ง  เพราะมันคือหนทางสู่ความสำเร็จใหม่ๆ  ที่ไม่ซ้ำเดิม

ที่มา : นิตยสาร Heath & Cuisine

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

ขนมเบื้องญวนอาชีพโบราณ…น่าเรียนรู้

จังหวัดนนทบุรี มีของดีเลื่องชื่อในเรื่องอาหารคาว หวาน และผลไม้ แต่ในที่นี้จะขอแนะนำการทำขนมเบื้องญวนสูตรโบราณแท้ๆ ซึ่งขณะนี้ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนนทบุรีเป็นเจ้าภาพเปิดอบรมฟรีให้ กับประชาชนทั่วไป หรือคนว่างงาน ใช้เวลาอบรมเพียง 1 วัน ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ สนใจลองศึกษาดูได้มีฝีมือติดตัว

ลำดับแรกก็เตรียมวัสดุอุปกรณ์ก่อน
1. ไข่ (ไข่เป็ดหรือไข่ไก่)
2. ไส้ (ทำจากมะพร้าวอ่อนขูดผสมกันรากผักชีที่ดำละเอียดคลุกเข้ากัน)
3. ถั่วลิสงป่นเอง
4. เต้าหู้เหลือง (หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ)
5. หัวหอมแดง (หั่นเป็นแว่นเล็กๆ )
6. น้ำอาจาด
7. แตงกวา
8. พริกเหลือง
9. ต้นหอม
10. หัวไซโป๊หวาน
11. พริกไทยป่น
12. น้ำปลา
13. ผงชูรส
14. ถั่วงอก
15. ผักชี
16. กระทะ
17. ทัพพี
18. ตะหลิว
ต่อมาเป็นการทำน้ำอาจาด
น้ำต้มผสมกับน้ำตาลทรายและน้ำส้มสายชูและเกลือแกงนิดหน่อย ชิมน้ำให้รสชาติออเปรี้ยวหวาน
สำหรับขั้นตอนการทำขนมเบื้องญวนโบราณ
1. วิธีการผสมแป้ง นำแป้งข้าวเจ้านวดกับน้ำใช้เวลาพอประมาณให้เข้ากัน
2. ตีไข่กับแป้งพร้อมเครื่องปรุง
3. ตั้งกระทะให้ร้อนใช้ไฟปานกลาง
4. เอาแป้งร่อนใส่กระทะให้เป็นวงกลม
5. นำส่วนผสมใส่ทั้งหมดแล้วใช้เวลาพอประมาณโดยการสังเกตว่าแป้งสุกหรือยัง เมื่อสุกแล้วเอาขึ้นจากกระทะเพื่อให้น้ำมันสะเด็ดแล้วตักใส่จานหรือใส่ ใบตองก็ได้

สนใจรับการอบรม ติดต่อสอบถามที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงานจังหวัดนนทบุรี
ที่มา : เดลินิวส์


***************